บันทึกเหตุการณ์น้ำท่วมบริเวณภาคใต้ (23 มีนาคม - 3 เมษายน 2554)

ภาพดาวเทียม GOES-9

23/3/2554

24/3/2554

25/3/2554

26/3/2554

27/3/2554

28/3/2554

29/3/2554

30/3/2554

31/3/2554

1/4/2554

2/4/2554

3/4/2554
จากภาพถ่ายดาวเทียม GOES-9 พบว่าช่วงวันที่ 23-29 มีนาคม มีกลุ่มเมฆปกคลุมพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันที่ 28 มีนาคม ที่กลุ่มเมฆค่อนข้างหนามาก ทำให้มีฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ พังงา สตูล และนราธิวาส หลังจากวันที่ 29 มีนาคม กลุ่มเมฆได้ลดปริมาณลงค่อนข้างมาก แต่ยังคงมีปกคลุมอยู่ในบางพื้นที่

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

ภาพแผนที่อากาศ

23/3/2554

24/3/2554

25/3/2554

26/3/2554

27/3/2554

28/3/2554

29/3/2554

30/3/2554

31/3/2554

1/4/2554

2/4/2554

3/4/2554

จากภาพแผนที่อากาศกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่ามีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมพื้่นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดฝนตกหหนัก และเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม


ภาพเรดาร์กรมอุตุนิยมวิทยา
เรดารสุราษฎร์ธานี รัศมี 240 กิโลเมตร

23/3/2554
05:03GMT

24/3/2554
08:03GMT

25/3/2554
19:03GMT

26/3/2554
17:03GMT

27/3/2554
23:03GMT

28/3/2554
10:03GMT

29/3/2554
03:03GMT

30/3/2554
05:03GMT
31/3/2554
02:03GMT

11/4/2554
13:03GMT

2/4/2554
07:03GMT

3/4/2554
11:03GMT
เรดาร์กระบี่ รัศมี 240 กิโลเมตร

23/3/2554
22:03GMT

24/3/2554
09:03GMT

25/3/2554
19:03GMT

26/3/2554
07:03GMT

27/3/2554
00:03GMT

28/3/2554
16:03GMT

29/3/2554
05:03GMT

30/3/2554
05:03GMT

31/3/2554
07:03GMT

1/4/2554
08:03GMT

2/4/2554
10:03GMT

3/4/2554
13:03GMT
เรดาร์สงขลา รัศมี 240 กิโลเมตร

23/3/2554
11:03GMT

24/3/2554
15:03GMT

25/3/2554
17:03GMT

26/3/2554
11:03GMT

27/3/2554
19:03GMT

28/3/2554
15:03GMT

29/3/2554
04:03GMT

30/3/2554
05:03GMT

31/3/2554
17:03GMT

1/3/2554
09:03GMT

2/3/2554
09:03GMT

3/3/2554
13:03GMT
dBz

ข้อมูลจากเครือข่ายภาพเรดาร์กรมอุตุนิยมวิทยา เรดาร์สุราษฎร์ธานี กระบี่ สงขลา รัศมี 240 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ พบว่าช่วงปลายเดือนมีนาคม มีฝนตกในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันที่ 28 มีนาคม ที่มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
สุราษฎร์ธานี่ ภูเก็ต สงขลา

แผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมรายวันจากสถาบันวิจัยทหารเรืออเมริกา

23/3/2554 [00:00]

23/3/2554 [12:00]

24/3/2554 [00:00]

24/3/2554 [12:00]

25/3/2554 [00:00]

25/3/2554 [12:00]

26/3/2554 [00:00]

26/3/2554 [12:00]

27/3/2554 [00:00]

27/3/2554 [12:00]

29/3/2554 [00:00]

29/3/2554 [12:00]

30/3/2554 [00:00]

30/3/2554 [12:00]

31/3/2554 [00:00]

31/3/2554 [12:00]

1/3/2554 [00:00]

2/3/2554 [00:00]

2/3/2554 [12:00]

3/3/2554 [00:00]

mm.
จากแผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมของสถาบันวิจัยทหารเรืออเมริกา พบว่าช่วงปลายเดือนมีนาคม มีกลุ่มฝนกระจุกตัวกันค่อนข้างมากบริเวณตอนล่างของประเทศ โดยเฉพาะวันที่ 26-29 มีนาคม ที่มีกลุ่มฝนกระจุกตัวกันค่อนข้างหนาบริเวณภาคใต้ตอนล่าง

รายละเอียดเพิ่มเติม


แผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมรายวันจาก NASA

22/3/54[00Z]-
23/3/54[00Z]

23/3/54[00Z]-
24/3/54[00Z]

24/3/54[00Z]-
25/3/54[00Z]

25/3/54[00Z]-
26/3/54[00Z]

26/3/54[00Z]-
27/3/54[00Z]

27/3/54[00Z]-
28/3/54[00Z]

28/3/54[00Z]-
29/3/54[00Z]

29/3/54[00Z]-
30/3/54[00Z]

30/3/54[00Z]-
31/3/54[00Z]

31/3/54[00Z]-
1/4/54[00Z]

1/4/54[00Z]-
2/4/54[00Z]

2/4/54[00Z]-
3/4/54[00Z]
              mm.

จากแผนภาพฝนสะสมของ NASA พบว่าช่วงปลายเดือนมีนาคม มีกลุ่มฝนกระจุกตัวกันค่อนข้างมากบริเวณตอนล่างของประเทศ โดยเฉพาะวันที่ 24-27 มีนาคม ที่มีกลุ่มฝนกระจุกตัวกันค่อนข้างหนาบริเวณภาคใต้ตอนล่าง

ข้อมูลฝนจากสถานีตรวจอากาศกรมอุตุนิยมวิทยา

รายงานข้อมูลฝนจากสถานีตรวจอากาศกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า เริ่มวัดปริมาณฝนได้ค่อนข้างมากตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม เป็นต้นมา ซึ่งปริมาณฝนมากที่สุดอยู่ในช่วงวันที่ 28-29 มีนาคม โดยปริมาณฝนสะสมรายวันสูงสุดอยู่ที่ 414.7 มิลลิเมตร ที่สถานีเกาะสมุย ในวันที่ 28 มีนาคม หลังจากวันที่ 29 มีนาคม ปริมาณฝนเริ่มลดลง ข้อมูลฝนสะสมรายวันจากสถานีอื่น ๆ ที่มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก แสดงตามตารางด้านล่าง

วันที่ สถานี ปริมาณฝนสะสมรายวัน(มม.)
02/04/2011 พัทลุง                                 109.2
01/04/2011 นครศรีธรรมราช (1)                                  77.1
ปัตตานี                                  63.6
นครศรีธรรมราช                                  52.2
31/03/2011 นครศรีธรรมราช (1)                                  86.9
นครศรีธรรมราช                                  68.6
พัทลุง                                  55.6
30/03/2011 นครศรีธรรมราช                                 190.3
เกาะสมุย                                  95.9
นครศรีธรรมราช (1)                                  91.4
สุราษฎร์ธานี                                  86.3
สนามบินภูเก็ต                                  69.6
นราธิวาส                                  58.1
ตะกั่วป่า                                  56.0
29/03/2011 สุราษฎร์ธานี                                 241.5
เกาะสมุย                                 196.2
สนามบินภูเก็ต                                 185.4
ตรัง                                 108.4
ตะกั่วป่า                                 105.2
ภูเก็ต                                 101.6
นครศรีธรรมราช                                  91.4
นครศรีธรรมราช (1)                                  83.1
สตูล                                  63.1
พัทลุง                                  53.0
28/03/2011 เกาะสมุย                                 414.7
นราธิวาส                                 395.9
นครศรีธรรมราช                                 249.4
นครศรีธรรมราช (1)                                 198.6
สุราษฎร์ธานี                                 148.2
พัทลุง                                 138.8
ตรัง                                 121.1
คอหงษ์ (1)                                 106.8
ปัตตานี                                 100.6
สงขลา                                  84.9
สตูล                                  74.6
ตะกั่วป่า                                  74.2
ฉวาง (2)                                  70.8
พระแสง (2)                                  61.4
สวี (1)                                  58.8
หาดใหญ่                                  58.5
ยะลา                                  56.1
27/03/2011 เกาะสมุย                                  95.3
ชุมพร                                  53.7
26/03/2011 พัทลุง                                 165.9
เกาะสมุย                                 145.2
สุราษฎร์ธานี                                 138.1
นครศรีธรรมราช                                 112.3
ระนอง                                  77.3
ฉวาง (2)                                  73.2
นครศรีธรรมราช (1)                                  71.7
ภูเก็ต                                  70.2
สงขลา                                  55.1
ตะกั่วป่า                                  54.1
สวี (1)                                  53.4
25/03/2011 นครศรีธรรมราช                                 290.4
นครศรีธรรมราช (1)                                 215.0
ชุมพร                                 115.0
ฉวาง (2)                                  93.2
เกาะสมุย                                  87.0
สวี (1)                                  82.1
พระแสง (2)                                  72.7
สุราษฎร์ธานี                                  68.8
24/03/2011 นครศรีธรรมราช                                 229.5
นครศรีธรรมราช (1)                                 204.0
พัทลุง                                 199.1
นราธิวาส                                  97.0
ฉวาง (2)                                  82.2
เขื่อนภูมิพล                                  70.8
สวี (1)                                  59.4
เกาะสมุย                                  55.3
23/03/2011 สวี (1)                                 113.8
คลองใหญ่                                  67.5
นครศรีธรรมราช (1)                                  65.2
นครศรีธรรมราช                                  62.1
อู่ทอง (1)                                  54.8
สงขลา                                  52.1
22/03/2011 หาดใหญ่                                  87.0
ศูนย์สิริกิตต์                                  63.7
หมายเหตุ : สีแดง หมายถึง ข้อมูลฝนที่เกิน 100 มิลลิเมตร
สีส้ม หมายถึง ข้อมูลฝน 80-99 มิลลิเมตร

การเตือนภัยปริมาณฝนผ่านโทรศัพท์มือถือ (sms) จากระบบโทรมาตรขนาดเล็ก

วันที่เตือนภัย
เวลา
ช่วงเวลาฝนสะสม
สถานที่
ปริมาณฝน(มม.)
ระดับการเตือนภัย
01/04/2011
16:00:00
ฝน07-16น.
ต.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี
78.4
เฝ้าระวังสูงสุด
01/04/2011
16:00:00
ฝน07-16น.
ต.เทพราช จ.นครศรีธรรมราช
142
วิกฤต
01/04/2011
16:00:00
ฝน15-16น.
ต.ปะลุรู จ.นราธิวาส
45
วิกฤต
31/03/2011
21:00:00
ฝน07-20น.
ต.เชิงแส จ.สงขลา
65.2
เฝ้าระวังสูงสุด
31/03/2011
20:00:00
ฝน18-19น.
ต.เชิงแส จ.สงขลา
42.6
วิกฤต
31/03/2011
19:00:00
ฝน18-19น.
ต.เชิงแส จ.สงขลา
37.8
เฝ้าระวังสูงสุด
31/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
95.9
เฝ้าระวังสูงสุด
31/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
190.3
วิกฤต
31/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช
91.4
เฝ้าระวังสูงสุด
30/03/2011
17:00:00
ฝน16-17น.
ต.บาละ จ.ยะลา
37.8
เฝ้าระวังสูงสุด
30/03/2011
12:00:00
ฝน07-12น.
ต.ไทรทอง จ.ปัตตานี
66.2
เฝ้าระวังสูงสุด
30/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.เหมาะ จ.พังงา
105.2
เฝ้าระวังสูงสุด
30/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
91.4
เฝ้าระวังสูงสุด
30/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.วิชิต จ.ภูเก็ต
101.6
เฝ้าระวังสูงสุด
30/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.กะเปา จ.สุราษฎร์ธานี
241.5
วิกฤต
30/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ป่าคลอก จ.ภูเก็ต
185.4
วิกฤต
30/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
196.2
วิกฤต
30/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.บางหมาก จ.ตรัง
108.4
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
23:00:00
ฝน07-23น.
ต.ไม้ขาว จ.ภูเก็ต
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
23:00:00
ฝน07-23น.
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
74.6
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
17:00:00
ฝน07-16น.
ต.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี
65.8
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
12:00:00
ฝน07-12น.
พัทลุง
67.6
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
12:00:00
ฝน07-12น.
ต.คลองศก จ.สุราษฎร์ธานี
80
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.บางหมาก จ.ตรัง
121.1
วิกฤต
29/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.บองอ จ.นราธิวาส
395.9
วิกฤต
29/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
249.4
วิกฤต
29/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.คอหงส์ จ.สงขลา
106.8
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
414.7
วิกฤต
29/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.กะเปา จ.สุราษฎร์ธานี
148.2
วิกฤต
29/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช
198.6
วิกฤต
29/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.อ่างทอง จ.พัทลุง
138.8
วิกฤต
29/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.เกาะจัน จ.ปัตตานี
100.6
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
5:00:00
ฝน29/07-30/04น.
ต.คลองเฉลิม จ.พัทลุง
65.6
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
5:00:00
ฝน29/07-30/05น.
ต.กะลาเส จ.ตรัง
111.2
วิกฤต
29/03/2011
4:00:00
ฝน29/07-30/04น.
พัทลุง
110.4
วิกฤต
29/03/2011
4:00:00
ฝน29/07-30/04น.
ต.ปากแพรก จ.นครศรีธรรมราช
95.4
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
3:00:00
ฝน29/07-30/03น.
ต.เขาคราม จ.กระบี่
68.8
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
2:00:00
ฝน29/07-30/02น.
ต.กะลาเส จ.ตรัง
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
29/03/2011
1:00:00
ฝน29/07-30/00น.
ต.ลำแก่น จ.พังงา
65.8
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
23:00:00
ฝน07-23น.
ต.คลองขนาน จ.กระบี่
66.8
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
23:00:00
ฝน22-23น.
ต.จวบ จ.นราธิวาส
41.6
วิกฤต
28/03/2011
23:00:00
ฝน07-23น.
ต.ละหาร จ.ปัตตานี
111.2
วิกฤต
28/03/2011
23:00:00
ฝน07-23น.
ต.จวบ จ.นราธิวาส
67.2
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
23:00:00
ฝน07-23น.
ต.ไทรทอง จ.ปัตตานี
111
วิกฤต
28/03/2011
23:00:00
ฝน07-23น.
ต.กายูบอเกาะ จ.ยะลา
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
23:00:00
ฝน07-22น.
ต.คลองศก จ.สุราษฎร์ธานี
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
22:00:00
ฝน21-22น.
ต.ไทรทอง จ.ปัตตานี
43.2
วิกฤต
28/03/2011
22:00:00
ฝน07-22น.
ต.กะรุบี จ.ปัตตานี
67.2
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
22:00:00
ฝน20-21น.
ต.ไทรทอง จ.ปัตตานี
38.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
21:00:00
ฝน07-21น.
ต.ละหาร จ.ปัตตานี
86.6
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
21:00:00
ฝน07-21น.
ต.ไทรทอง จ.ปัตตานี
65.2
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
21:00:00
ฝน07-21น.
ต.เขาคราม จ.กระบี่
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
21:00:00
ฝน19-20น.
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
41.2
วิกฤต
28/03/2011
21:00:00
ฝน20-21น.
ต.กายูบอเกาะ จ.ยะลา
40.4
วิกฤต
28/03/2011
20:00:00
ฝน18-19น.
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
37.8
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
20:00:00
ฝน07-20น.
ต.กะลาเส จ.ตรัง
65.6
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
20:00:00
ฝน07-19น.
ต.ถ้ำทองหลาง จ.พังงา
66.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
20:00:00
ฝน19-20น.
ต.กายูบอเกาะ จ.ยะลา
38.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
19:00:00
ฝน07-19น.
ต.นาเกตุ จ.ปัตตานี
75.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
19:00:00
ฝน07-19น.
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
65.6
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
19:00:00
ฝน18-19น.
ต.นาเกตุ จ.ปัตตานี
43.4
วิกฤต
28/03/2011
18:00:00
ฝน16-17น.
ต.เชิงแส จ.สงขลา
38.6
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
18:00:00
ฝน07-18น.
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
116
วิกฤต
28/03/2011
18:00:00
ฝน07-18น.
ต.เทพราช จ.นครศรีธรรมราช
110.6
วิกฤต
28/03/2011
18:00:00
ฝน16-17น.
ต.ละหาร จ.ปัตตานี
38.2
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
17:00:00
ฝน07-17น.
ต.ปะลุรู จ.นราธิวาส
67.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
17:00:00
ฝน16-17น.
ต.ปะลุรู จ.นราธิวาส
41.6
วิกฤต
28/03/2011
15:00:00
ฝน07-15น.
ต.เทพราช จ.นครศรีธรรมราช
67.2
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
15:00:00
ฝน07-15น.
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
66.2
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
95.3
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
6:00:00
ฝน28/07-29/06น.
พัทลุง 
112
วิกฤต
28/03/2011
6:00:00
ฝน28/07-29/06น.
สงขลา
65.2
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
5:00:00
ฝน28/07-29/04น.
ต.คลองขนาน จ.กระบี่
110.2
วิกฤต
28/03/2011
5:00:00
ฝน28/07-29/04น.
ต.เชิงแส จ.สงขลา
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
5:00:00
ฝน28/07-29/05น.
ต.กะรุบี จ.ปัตตานี
110.4
วิกฤต
28/03/2011
3:00:00
ฝน28/07-29/03น.
พัทลุง
66.2
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
3:00:00
ฝน28/07-29/03น.
ต.ลำแก่น จ.พังงา
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
3:00:00
ฝน28/07-29/03น.
ต.จะแนะ จ.นราธิวาส
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
3:00:00
ฝน28/07-29/03น.
ต.บางหิน จ.ระนอง
65.8
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
2:00:00
ฝน00-01น.
ต.บาละ จ.ยะลา
42.8
วิกฤต
28/03/2011
2:00:00
ฝน28/07-29/02น.
ต.บาละ จ.ยะลา
110.6
วิกฤต
28/03/2011
2:00:00
ฝน28/07-29/02น.
ต.ริโก๋ จ.นราธิวาส
67.2
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
2:00:00
ฝน28/07-29/02น.
ต.กะลาเส จ.ตรัง
111.8
วิกฤต
28/03/2011
2:00:00
ฝน28/07-29/02น.
ต.ตะโละแมะนา จ.ปัตตานี
65.6
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
1:00:00
ฝน28/07-29/01น.
ต.ปะลุรู จ.นราธิวาส
117.6
วิกฤต
28/03/2011
1:00:00
ฝน28/07-29/01น.
ต.บาละ จ.ยะลา
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
28/03/2011
1:00:00
ฝน28/07-29/00น.
ต.จวบ จ.นราธิวาส
172
วิกฤต
28/03/2011
1:00:00
ฝน00-01น.
ต.จะแนะ จ.นราธิวาส
45
วิกฤต
28/03/2011
1:00:00
ฝน23-00น.
ต.จวบ จ.นราธิวาส
38.2
เฝ้าระวังสูงสุด
27/03/2011
21:00:00
ฝน07-21น.
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
66
เฝ้าระวังสูงสุด
27/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.อ่างทอง จ.พัทลุง
165.9
วิกฤต
27/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
145.2
วิกฤต
27/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.กะเปา จ.สุราษฎร์ธานี
138.1
วิกฤต
27/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
112.3
เฝ้าระวังสูงสุด
27/03/2011
6:00:00
ฝน05-06น.
ต.ถ้ำทองหลาง จ.พังงา
35.8
เฝ้าระวังสูงสุด
27/03/2011
5:00:00
ฝน27/07-28/05น.
ต.ถ้ำทองหลาง จ.พังงา
67.4
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
22:00:00
ฝน07-22น.
ต.ห้วยปริก จ.นครศรีธรรมราช
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
20:00:00
ฝน07-20น.
ต.เขาคราม จ.กระบี่
65.6
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
18:00:00
ฝน17-18น.
ต.ปากแพรก จ.นครศรีธรรมราช
43.2
วิกฤต
26/03/2011
18:00:00
ฝน17-18น.
ต.ปากแพรก จ.นครศรีธรรมราช
38.2
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
12:00:00
ฝน07-12น.
ต.คลองเฉลิม จ.พัทลุง
67.8
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
12:00:00
ฝน07-12น.
พัทลุง
67.4
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
290.4
วิกฤต
26/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ท่ายาง จ.ชุมพร
115
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.สวนขัน จ.นครศรีธรรมราช
93.2
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช
215
วิกฤต
26/03/2011
7:00:00
ฝน26/07-27/06น.
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
117.2
วิกฤต
26/03/2011
3:00:00
ฝน26/07-27/03น.
ต.มะเร็ต จ.สุราษฎร์ธานี
67
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
3:00:00
ฝน26/07-27/03น.
ต.บางหิน จ.ระนอง
110.4
วิกฤต
26/03/2011
1:00:00
ฝน26/07-27/01น.
ต.กะลาเส จ.ตรัง
67.8
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
1:00:00
ฝน26/07-27/00น.
ต.คลองศก จ.สุราษฎร์ธานี
65.6
เฝ้าระวังสูงสุด
26/03/2011
1:00:00
ฝน26/07-27/00น.
ต.บางหิน จ.ระนอง
94.6
เฝ้าระวังสูงสุด
25/03/2011
22:00:00
ฝน21-22น.
ต.เทพราช จ.นครศรีธรรมราช
43
วิกฤต
25/03/2011
22:00:00
ฝน20-21น.
ต.เทพราช จ.นครศรีธรรมราช
37.4
เฝ้าระวังสูงสุด
25/03/2011
19:00:00
ฝน07-19น.
ต.เทพราช จ.นครศรีธรรมราช
110.8
วิกฤต
25/03/2011
14:00:00
ฝน07-14น.
ต.เทพราช จ.นครศรีธรรมราช
75.8
เฝ้าระวังสูงสุด
25/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช
204
วิกฤต
25/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.อ่างทอง จ.พัทลุง
199.1
วิกฤต
25/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
229.5
วิกฤต
25/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.บองอ จ.นราธิวาส
97
เฝ้าระวังสูงสุด
25/03/2011
4:00:00
ฝน25/07-26/04น.
ต.ห้วยปริก จ.นครศรีธรรมราช
65.4
เฝ้าระวังสูงสุด
25/03/2011
1:00:00
ฝน25/07-26/00น.
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
65.2
เฝ้าระวังสูงสุด
24/03/2011
23:00:00
ฝน07-23น.
ต.ไทรทอง จ.ปัตตานี
67
เฝ้าระวังสูงสุด
24/03/2011
22:00:00
ฝน07-21น.
ต.ละหาร จ.ปัตตานี
73.4
เฝ้าระวังสูงสุด
24/03/2011
13:00:00
ฝน07-13น.
ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช
68.2
เฝ้าระวังสูงสุด
24/03/2011
12:00:00
ฝน07-12น.
ต.เทพราช จ.นครศรีธรรมราช
69.2
เฝ้าระวังสูงสุด
24/03/2011
8:00:00
ฝนวานนี้
ต.สวี จ.ชุมพร
113.8
เฝ้าระวังสูงสุด
24/03/2011
4:00:00
ฝน24/07-25/04น.
ต.ลำภู จ.นราธิวาส
65.2
เฝ้าระวังสูงสุด
24/03/2011
3:00:00
ฝน01-02น.
ต.ไทรทอง จ.ปัตตานี
42.2
วิกฤต
24/03/2011
2:00:00
ฝน24/07-25/02น.
ต.ละหาร จ.ปัตตานี
111.4
วิกฤต
24/03/2011
2:00:00
ฝน24/07-25/02น.
ต.ไทรทอง จ.ปัตตานี
110.6
วิกฤต
23/03/2011
15:00:00
ฝน14-15น.
ต.คลองศก จ.สุราษฎร์ธานี
46.4
วิกฤต
23/03/2011
15:00:00
ฝน13-14น.
ต.คลองศก จ.สุราษฎร์ธานี
35.4
เฝ้าระวังสูงสุด
23/03/2011
7:00:00
ฝนวานนี้
ต.คลองเฉลิม จ.พัทลุง
66.2
เฝ้าระวังสูงสุด

ข้อมูลระดับน้ำจากสถานีวัดระดับน้ำท่า กรมชลประทาน

(X.239)บ้านฉลุงเหนือ อ.เมือง จ.สตูล
(ระดับตลิ่ง 15.3 ม.)

(X.187)บ้านหินดาน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา
(ระดับตลิ่ง 8.25 ม.)

(X.86)บ้านท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง
(ระดับตลิ่ง 15.08 ม.)

(X.55)บ้านท่าใหญ่ อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
(ระดับตลิ่ง 22.23 ม.)

(X.37A)บ้านย่านดินแดง อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี
(ระดับตลิ่ง 10.76 ม.)

(X.236)บ้านย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง
(ระดับตลิ่ง 4.6 ม.)
จากกราฟแสดงข้อมูลระดับน้ำจากสถานีตรวจวัดน้ำท่ากรมชลประทานในพื้นที่ภาคใต้ พบว่าหลังจากที่มีฝนตกหนักช่วงปลายเดือนมีนาคม ทำให้เกิดระดับน้ำล้นตลิ่งในหลายจุึด ทั้งลุ่มน้ำตาปี ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก และ ทะเลสาบสงขลา

รายละเอียดเพิ่มเติม

ข้อมูลปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯเขื่อนรัชชประภา

ปริมาณน้ำกักเก็บเขื่อนรัชชประภา

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯเขื่อนบางลาง

ปริมาณน้ำกักเก็บเขื่อนบางลาง

จากการที่มีฝนตกในพื้นที่ภาคใต้ช่วงปลายเดือนมีนาคม พบว่าปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งที่เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานีและที่เขื่อนบางลางจังหวัดยะลา มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยเืขื่อนรัชชประภามีปริมาณน้ำไหลลงอ่างสูงสุด 51.31 ล้าน ลบ.ม.ในวันที่ 30 มีนาคม ส่วนเขื่อนบางลางมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯสูงสุด 11.0 ล้าน ลบ.ม. ในวันที่ 31 มีนาคม

ตารางและกราฟแสดงข้อมูลน้ำรายวันในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่


ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมแสดงพื้นที่น้ำท่วมจาก GISTDA

รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วม ปี 2554
โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม ALOS ระบบ PALSAR

บันทึกภาพวันที่ 29 มีนาคม 2554 เวลา 10.30 น.
บริเวณบางส่วนของจังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช
และพัทลุง

จังหวัดนครศรีธรรมราชมีพื้นที่น้ำท่วมในอำเภอเมือง
นครศรีธรรมราช  เฉลิมพระเกียรติ ร่อนพิบูลย์ ชะอวด
ปากพนัง ท่าศาลา พระพรหม จุฬาภรณ์ พรหมคีรี เชียรใหญ่
ทุ่งสง สิชล ลานสกา และกิ่งอำเภอนบพิตำ
อ่านรายงานเพิ่มเติม

 

รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วม ปี 2554
โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม RADARSAT-2

บันทึกภาพวันที่ 29 มีนาคม 2554 เวลา 18.41 น.
บริเวณบางส่วนของจังหวัดชุมพร ตรัง
นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง สงขลา และสุราษฎร์ธานี

จังหวัดตรัง มีพื้นที่น้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างในพื้นท
ี่อำเภอเมืองตรัง นาโยง ห้วยยอด กันตรัง วังวิเศษ ปะเหลียน
รัษฎา สิเกา และย่านตาขาว
อ่านรายงานเพิ่มเติม

รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วม ปี 2554
โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม ALOS ระบบ PALSAR

บันทึกภาพวันที่ 1 เมษายน 2554 เวลา 11.03 น.
บริเวณบางส่วนของจังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง
นครศรีธรรมราช
พังงา พัทลุง สตูล และสุราษฎร์ธานี
จังหวัดตรัง มีพื้นที่ น้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่
อำเภอเมืองตรัง นาโยง กันตรัง ห้วยยอด วังวิเศษ ปะเหลียน
ย่านตาขาว รัษฎา และสิเกา
อ่านรายงานเพิ่มเติม

 

รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วม ปี 2554
โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม ALOS ระบบ PALSAR

บันทึกภาพวันที่ 1 เมษายน 2554 เวลา 23.06 น.
บริเวณบางส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง
สงขลา และสุราษฎร์ธานี

จังหวัดนครศรีธรรมราชมีพื้นที่น้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างใน
พื้นที่อำเภอเมือง เชียรใหญ่ ชะอวด ปากพนัง หัวไทร
เฉลิมพระเกียรติ ร่อนพิบูลย์ พระพรหม ท่าศาลา จุฬาภรณ์
สิชล พรหมคีรี นบพิตำ ทุ่งสง ขนอม ลานสกา และพิปูน
อ่านรายงานเพิ่มเติม

รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วม ปี 2554
โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม
RADARSAT-2
บันทึกภาพวันที่ 1 เมษายน 2554 เวลา 06.14 น.
บริเวณบางส่วนของจังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง
นครศรีธรรมราช
พังงา พัทลุง สงขลา สตูล และ
สุราษฎร์ธานี

จังหวัดตรัง มีพื้นที่น้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่
อำเภอเมืองตรัง กันตรัง นาโยง ห้วยยอด วังวิเศษ
ปะเหลียน รัษฎา ย่านตาขาว สิเกา
อ่านรายงานเพิ่มเติม

 

รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วม ปี 2554
โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม THEOS

บันทึกภาพวันที่ 5 เมษายน 2554 เวลา 10.37 น.
บริเวณบางส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี

จังหวัดนครศรีธรรมราชมีพื้นที่น้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอทุ่งใหญ่
จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่น้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่อำเภอ
พุนพิน เคียนซา ท่าฉาง เมืองสุราษฎร์ธานี บ้านนาเดิม พระแสง
บ้านนาสาร เวียงสระ ไชยา คีรีรัฐนิคม ท่าชนะ และบ้านตาขุน
อ่านรายงานเพิ่มเติม


ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงพื้นที่ดินถล่ม จาก NASA(คลิ๊กที่ภาพเพื่อแสดงพื้นที่ดินถล่มบริเวณอื่น )
ที่มา : Earth Observatory(NASA) http://earthobservatory.nasa.gov/IOTD/view.php?id=49976&src=eoa-iotd

ภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2554 แสดงพื้นที่ดินถล่มบริเวณเขาพนม จังหวัดกระบี่ ซึ่งเกิดจากฝนตกหนักนอกฤดู โดยมีปริมาณฝนมากกว่า 1,200 มิลลิเมตร (สะสมระหว่างวันที่ 23-30 มีนาคม) ส่งผลกระทบให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนกว่า 2 ล้านคน เสียชีวิต 53 คน ใน 11 จังหวัดของภาคใต้

 

แผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมจาก NASA

ที่มา : Earth Observatory(NASA) http://earthobservatory.nasa.gov/IOTD/view.php?id=49929&src=eoa-iotd
แสดงปริมาณฝนสะสมระหว่างวันที่ 23-30 มีนาคม 2554 พบว่าบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราชมีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 1,200 มิลลิเมตร

ข้อมูลด้านความเสียหาย
            ศูนย์ปฏิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉิน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ระหว่างวันที่ 23 มี.ค.ถึงเวลา 18.00 น. วันที่ 6 เม.ย. มีพื้นที่ประสบภัย 10 จังหวัด (นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ พังงา สตูล และนราธิวาส) 100 อําเภอ 650 ตําบล 5,378 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 603,486 ครัวเรือน 2,021,131คน สถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพังงา นราธิวาส และจังหวัดสตูล (จังหวัดชุมพรสถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่าง ฟื้นฟู ยกเว้นอําเภอหลังสวน) มีผู้เสียชีวิต 53 ราย นครศรีธรรมราช 22 ราย สุราษฎร์ธานี 10 ราย กระบี่ 10 ราย พัทลุง 5 ราย ชุมพร 3 ราย ตรัง 2 ราย และพังงา 1 ราย
           ด้านทรัพย์สินและสิ่งสาธารณประโยชน์ (เบื้องต้น) บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 208 หลัง บางส่วน 3,332 หลัง สิ่งสาธารณประโยชน์เสียหายเบื้องต้น ได้แก่ ถนน 4,476 สาย ท่อระบายน้ํา 409 แห่ง ฝาย 75 แห่ง สะพานและคอสะพาน 418 แห่ง วัดและโรงเรียน 368 แห่ง สถานที่ราชการ 89 แห่ง
           ด้านการเกษตร (ข้อมูลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึง 4 เม.ย.) ด้านพืช เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 181,511 ราย พื้นที่การเกษตรประสบภัย 1,090,609 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 319,878 ไร่ พืชไร่ 56,110 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 714,621 ไร่ สําหรับยางพารา ประมาณการพื้นที่ คาดว่าจะเสียหายจากดินโคลนถล่มไม่เกิน 50,000 ไร่ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 93,264 ราย สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 4,374,418 ตัว แบ่งเป็น โค-กระบือ 182,307 ตัว สุกร/แพะ/แกะ 666,790 ตัว สัตว์ปีก 3,525,321 ตัว แปลงหญ้า 5,304 ไร่ และสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ 641,000 กิโลกรัม และดูแลสุขภาพสัตว์ 1,130,172 ตัว แร่ธาตุและเวชภัณฑ์ 1,408 ก้อน
            ด้าน ประมง เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 16,587 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์ประสบภัย 25,333 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 53,953 ไร่ และ 3,343 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 88,048 ตารางเมตร เรือประมงประสบภัย 62 ลํา ส่วนการคมนาคม ทางหลวงแผ่นดิน มีน้ําท่วม 20 สายทาง 22 แห่ง ผ่านไม่ได้ 10 แห่ง (ข้อมูลศูนย์บริหารงานอุบัติเหตุ กรมทางหลวง เมื่อเวลา 14.00 น. 5 เม.ย.54)


ข่าวจากหนังสือพิมพ์

--------------------------------------------------------------------------------------
สุราษฎร์ฯทั้งเมืองถูกตัดขาด ถนน-สะพานพัง [ ไทยรัฐ : 5 เม.ย. 54 ]
สถานการณ์ อุทกภัยในหลายจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ยังคงวิกฤติต่อเนื่อง โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร กระบี่ และพัทลุง นอกจากถูกน้ำท่วมแล้วยังมีดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ ชาวบ้านเสียชีวิตนับสิบราย บ้านเรือน ถนนหนทาง และสิ่งก่อสร้างพังพินาศ เรือกสวนไร่น่า รวมทั้งสัตว์เลี้ยงเสียหายล้มตายเหลือคณานับ  ขณะที่ความช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นไปอย่างเชื่องช้า เฉื่อยชา และไร้ผู้รับผิดชอบ อ้างยังขาดเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์การกู้ภัยที่ทันสมัย ทำให้การเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยพิบัติเป็นไปด้วยความล่าช้า ผู้ประสบภัยต้องระทมทุกข์ และเผชิญชะตากรรมกันตามยถา สวนทางกับธารน้ำใจจากพี่น้องไทยทั่วประเทศ กลับหลั่งไหลไปซับน้ำตาผู้ทุกข์ยากอย่างรวดเร็ว

จากสถานการณ์น้ำป่า ไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ส่ง ผลให้ฝายเก็บน้ำแตกที่หมู่ 7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ ความคืบหน้าวันที่ 1 เม.ย. นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กระบี่ กล่าวว่า สรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตเมื่อเวลา 4 ทุ่ม คืนวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา พบแล้ว 6 ศพ คือนายไพศาล ชูศรี อายุ 31 ปี นางแก้วดารา แข็งขัน อายุ 49 ปี นายสมบูรณ์ ทองเนียม อายุ 72 ปี นางพริก ทองเนียม อายุ 65 ปี นางมันทนา ชูศรี อายุ 26 ปี ด.ช.สุริยา เดชค้ำ อายุ 14 ปี มีผู้บาดเจ็บเหลือพักรักษาตัวที่ รพ.เขาพนม 13 ราย ส่วนผู้สูญหายทราบว่ามีอีก 5 คน คือ ด.ญ.อัญธิกา ชูศรี บุตรสาวนายไพศาล กับนางมันทนา ชูศรี นายสิทธิพร ทองเนียม นางปิยนารถ ทองเนียม นางเกตุวดี ทองเนียม และชายไม่ทราบชื่อ สามีของนางเกตุวดี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเชื่อว่าไม่น่าจะเพิ่มหรือลดลงจากนี้มากนัก

นาย เถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุและมีข่าวออกไปว่ามีผู้สูญหายหรือเสียชีวิตจำนวนมากนั้น นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผวจ. ให้ไปตั้งโต๊ะตรวจสอบผู้สูญหาย เสียชีวิต และผู้รอดชีวิตในพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ส่วนพื้นที่อื่นที่สูญหายมี 1 คนที่ ต.ทับปริก เป็นชายไม่ทราบชื่อขับรถข้ามสะพานแล้วถูกน้ำพัดหาย ไปทั้งคนทั้งรถ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้พบว่าครอบครัวทองเนียม ซึ่งชาวบ้านระบุว่าพักอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่ รวม 6 คน ถูกกระแสน้ำพัดบ้านพังทั้งหลังและคนในบ้านสูญหายไปทั้งหมด ต่อมาพบศพสมาชิกในบ้าน 2 ศพ ยัง สูญหายอีก 4 คน เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งค้นหา แต่คาดว่าอาจจะ เสียชีวิตหมดทั้งครอบครัว ทั้งนี้ จ.กระบี่ สรุปความเสียหาย 8 อำเภอ 49 ตำบล 2 เทศบาล 343 หมู่บ้าน มีประชาชนเดือดร้อน 50,000 กว่าครอบครัว รวม 228,000 คน

ขณะที่นายจามิกร สังข์รอด กำนันตำบลหน้าเขา กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์เริ่มที่จะคลี่คลายมากขึ้น โดยเฉพาะใน 2 หมู่บ้านของตำบลหน้าเขาที่ได้รับผลกระทบหนักคือหมู่ 6 และหมู่ 7 ประชาชนมีที่พักพิงชั่วคราว 3 จุด คือวัดถ้ำโกบ 300 คน โรงเรียนบ้านห้วยน้ำแก้ว 1,000 กว่าคน และที่อำเภอเขาพนมอีกส่วนหนึ่ง ส่วนผู้สูญหายและเสียชีวิตในครั้งนี้ มีประมาณ 10 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง ส่วนความช่วยเหลือชาวบ้านยังคงต้องการอาหารและเครื่องนุ่งห่มเป็นหลัก แต่ยังได้รับบริจาคน้อยมาก

ส่วนที่ อ.เมืองกระบี่ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่กระทบหนัก นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ กล่าวว่า ภายหลังจากน้ำจากเทือกเขาพนมเบญจา ไหลมาที่ ต.ทับปริก และไหลลงสู่คลองกระบี่ใหญ่จนน้ำเอ่อท่วมในเขตชุมชน ภายในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ ที่อยู่ติดแม่น้ำกระบี่อย่างหนัก จากการสำรวจล่าสุดพบมีบ้านเรือนเสียหายหนัก 90 หลัง เสียหายบางส่วนกว่า 200 หลัง ทำให้ประชาชนไม่มีที่พักอาศัยกว่า 400 คน ขณะนี้ได้อพยพมาพักที่โรงเรียนเทศบาล 3 ตลาดเก่า และศูนย์วิทยาศาสตร์และการกีฬาจังหวัดกระบี่ ส่วนมูลค่าความเสียหายขณะนี้คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 11 ล้านบาท

ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ชุดเฉพาะกิจกู้ภัยร่วมระหว่างทหาร ทภ.4, ตชด.42 และ อส.ชุด ฉก.ศรีวิชัย ได้ร่วมกันตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยดินถล่มนครศรีธรรมราช ที่ ร.ร.มัธยมนบพิตำ โดยช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ถูกตัดขาดใน ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จนถึงขณะนี้ยังมีประชาชนตกค้างอยู่ในพื้นที่หมู่ 3, 4, 7 และ 8 ต.กรุงชิง นับพันคน และยังออกจากพื้นที่ไม่ได้ เนื่องจากถนนและสะพานถูกน้ำป่าไหลหลากพัดขาดหลายจุด โดยเฉพาะสะพานข้ามคลองกลาย จึงมอบหมายให้นายเดชา กังสนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช นำ อส.กู้ภัย ชุด ฉก.ศรีวิชัย เข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมประสานทหารกองทัพภาคที่ 4 ขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์บินลำเลียงถุงยังชีพ 900 ชุด จากหน้าที่ว่าการอำเภอนบพิตำ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.กรุงชิง พร้อมลำเลียงคนป่วย 2 คน เด็ก 15 คน และหญิงท้องแก่ใกล้คลอด 1 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว

ผวจ.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อไปว่า ส่วนราษฎรที่ตกค้างในพื้นที่อีกหลายร้อยคน ทาง อส.ได้ติดตั้งชุดสายสลิงข้ามคลองกลายสำเร็จแล้ว และให้ อส. 8 นาย โหนสายสลิงข้ามคลองในจุดสะพานขาด มีความกว้างราว 50-60 เมตร ไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีราษฎรนับร้อยคนยืนรอรับความช่วยเหลือด้วยความหวัง เมื่อเจ้าหน้าที่ข้ามน้ำไปได้แล้ว ได้ติดตั้งเครือข่ายวิทยุสื่อสารในพื้นที่บนภูเขาต่างๆ เพื่อใช้เป็นศูนย์วิทยุสื่อสารประสานงานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอก ด้วยความสะดวกรวดเร็วต่อไป สำหรับสายสลิงดังกล่าวยังใช้ในการลำเลียงอาหารส่งให้ราษฎรที่ตกค้างอยู่อีก ฝั่งได้เป็นระยะๆ การวางแผนช่วยเหลือราษฎรที่ตกค้างคาดว่ายังมีอีกเกือบ 1 พันคนนั้น ในวันนี้หากท้องฟ้าเปิดจะใช้เฮลิคอปเตอร์บินรับผู้ติดค้างอยู่บนภูเขาออกมา

ที่ สนาม ร.ร.มัธยมนบพิตำ หมู่ 1 ต.นบพิตำ ศูนย์อำนวยการร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ประชุมวางแผนช่วยเหลือราษฎรที่ติดค้างในพื้นที่ดินถล่มในพื้นที่หมู่ 2, 4, 7 และ 8 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ โดยได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ลำเลียงถุงยังชีพกว่า 500 ชุด ขึ้นบินไปหย่อนเสบียงอาหารให้กับราษฎรที่ติดอยู่บนภูเขา และอพยพราษฎรลงมาเที่ยวละ 20-25 คน ขณะทำการบินสภาพอากาศเต็มไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากท้องฟ้าปิดมีฝนตกและเมฆปกคลุมหนาทึบเหนือท้องฟ้าและหุบเขาทั่ว ต.กรุงชิง นักบินต้องใช้ความพยายามและความชำนาญบินเลาะตามช่องเขาเข้าไปด้วยความเสี่ยง เพื่อนำถุงยังชีพไปแจกแก่ราษฎรที่ประสบภัยตามจุดต่างๆหลายจุด ขณะที่การอพยพชาวบ้านออกมากับ ฮ.เกิดความวุ่นวายขึ้น เพราะมีการแย่งกันขึ้น ฮ.เพื่อหนีตายออกมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องจัดระเบียบให้เด็ก สตรี และคนป่วยขึ้นเครื่องก่อน โดยการเข้าแถวตามลำดับความสำคัญ

ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น. เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ยังบินลำเลียงอาหารไปส่งและอพยพราษฎรพื้นที่หมู่ 3, 4, 6, 7 และ 8 ต.กรุงชิง ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยด้วยความยากลำบากเนื่องจากสภาพอากาศปิด ฝนตกตลอดทั้งวัน มีเมฆหนาทึบ และอพยพคนได้ครั้งละไม่กี่คน ส่วน ฮ.ซีนุก จากหน่วยรบพิเศษ จ.ลพบุรี ที่ขนย้ายคนได้ครั้งละเกือบ 100 คน ยังบินมาไม่ถึง ซึ่งราษฎรมีอาการเจ็บป่วยหนักกว่า 10 ราย ทั้งนี้ ขณะที่ ฮ.แบล็คฮอว์ค บินอพยพราษฎรออกจากพื้นที่ มุ่งหน้ามายังสนาม ร.ร.มัธยมนบพิตำ ระหว่างทางฝนเกิดตกลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดครึ้ม และลมพัดแรง ทำให้ ฮ.ตกหลุมอากาศ ราษฎรที่นั่งใน ฮ.15 คน รวมทั้งสื่อมวลชนต่างตกใจหวีดร้องกันลั่น มีผู้ตกใจเป็นลมไป 2 ราย โดยเฉพาะนางสุวิภา พันธุ์เผือก อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/2 หมู่ 8 ต.กรุงชิง ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งมดลูก ถึงกับเป็นลมและอาเจียนด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตาม นักบินสามารถบินฝ่าอากาศและพามาลงสนาม ร.ร.มัธยมนบพิตำ ได้อย่างปลอดภัย

ด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอท่าศาลา ได้นำเครื่องสำรองจ่ายไฟขนาด 5 กิโลวัตต์  ไปติดตั้งให้ที่ อบต. กรุงชิง และศูนย์เด็กเล็กอนามัยบ้านเปียน ต.กรุงชิง ได้ใช้ ไฟชั่วคราว เพื่อใช้สื่อสารและหุงอาหารเลี้ยงประชาชน กว่า 1,500 คน เนื่องจากเสาไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่ ต.กรุงชิง ล้มเสียหายกว่า 100 ต้น ทำให้ไม่มีไฟฟ้าใช้และมืดมิดมาหลายวัน สำหรับอนามัยบ้านเปียน ยังขาดแคลนยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาพาราเซตามอล และวัคซีนรักษาโรคต่างๆ โดยมีผู้ป่วยมารักษาวันละ 200 คน และมีผู้บาดเจ็บที่ถูกดินโคลนถล่มอีกหลายสิบราย  รอการช่วยเหลือออกมาด้วย ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเครียดมาก เพราะสวนยางพาราและบ้านเรือนพังเสียหาย ด้าน อส.ชุด ฉก.ศรีวิชัย นำเชือกขนาดใหญ่จำนวนมาก นั่ง ฮ.บินไปลงในพื้นที่ เพื่อสร้างสะพานเชือกชั่วคราวข้ามคลองแซะ ที่สะพานถูกน้ำป่าพัดขาดยาวราว 100 เมตร ซึ่งหากสร้างสะพานเชือกสำเร็จในบ่ายวันพรุ่งนี้ จะช่วยชาวบ้านอีกหลายร้อยคนออกจากหมู่บ้านมาได้อย่างปลอดภัย

ขณะ เดียวกัน กองทัพภาคที่ 4 ได้จัดชุดแพทย์และพยาบาลพร้อมยาและเวชภัณฑ์ขึ้น ฮ.บินไปส่งลงในพื้นที่บ้านทับน้ำเต้า หมู่ 4 ต.กรุงชิง เพื่อรักษาอาการป่วยต่างๆ ให้แก่ราษฎรในเบื้องต้นก่อน เพราะมีราษฎรที่ตกค้างอยู่บนภูเขาเจ็บป่วยหลายราย สำหรับสภาพความเสียหายของพื้นที่ ต.กรุงชิง เกือบทั้งตำบลพบว่ามีดินภูเขาถล่มลงมา เป็นแนวยาวจนมองเห็นภูเขาลูกต่างๆพังทลายเป็นดินสีแดงทั่วบริเวณ และถล่มลงมาทับถนนสะพานขาดหลายจุด ทำให้ราษฎรที่อพยพออกมาไม่ทันต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก คาดว่าใน อ.นบพิตำ จะเป็นอีกพื้นที่ที่มีความเสียหายไม่น้อยกว่าเหตุการณ์เขาถล่มที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ ขณะที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช มีเดินภูเขาถล่มเสียหายหลายจุดเช่นกัน

สำหรับสภาพอากาศในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมายังมีฝนตกลงมาเป็นระยะๆ แต่ปริมาณ ฝนไม่มากเหมือนหลายวันที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำท่วมหลายพื้นที่เริ่มลดลงอย่างช้าๆ แต่ส่วนใหญ่ยังท่วมสูงอยู่ คาดว่าหากในวันนี้ฝนไม่ตกซ้ำลงมาอีก ระดับน้ำท่วมขัง และปริมาณน้ำในลำคลองสายต่างๆโดยทั่วไปจะเริ่มลดเรื่อยๆ และน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายในสัปดาห์หน้า

สถานการณ์น้ำท่วมในเขต พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ทั้ง 6 อำเภอ คือ ปากพนัง เชียรใหญ่ หัวไทร ร่อนพิบูลย์ เฉลิมพระเกียรติ และชะอวด จ.นครศรีธรรมราช สภาพยังน่าเป็นห่วง จุดที่น้ำท่วมหนักที่สุดในขณะนี้คือ ต.ขนาบนาค ต.ปากแพรก ต.บางพระ อ.ปากพนัง ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนจมใต้น้ำ เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ราบลุ่มรองรับน้ำจากที่สูง ในขณะที่ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ คลื่นในทะเลอ่าวไทยได้พัดกระหน่ำ บ้านเรือนชาวบ้านที่บ้านปลายแหลมพังเสียหายอีกกว่า 10 หลัง

ส่วนที่ อ.ชะอวด และ อ.เฉลิมพระเกียรติ น้ำไหลบ่าเข้าท่วมสวนปาล์มและสวนยางพารา พื้นที่ราว 7 พันไร่ คนงานและชาวบ้านต้องอพยพออกจากสวนกันจ้าละหวั่น เพื่อไปอยู่ในที่ปลอดภัย ที่ อ.ร่อนพิบูลย์ น้ำที่ท่วมหนักใน ต.หินตก ต.เสาธง และ ต.ควนพัง แต่เดิมมีความสูง 2 เมตร ได้ลดระดับลงราว 30 ซม. อ.เชียรใหญ่ ผู้นำท้องถิ่นแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครศรี ธรรมราช ให้เร่งส่งหญ้าแห้งและอาหารสำเร็จรูปไปให้ วัวควายของชาวบ้านที่มีอยู่นับพันตัว ใน 6 ตำบล เพราะสัตว์เลี้ยงอดอาหารมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว เนื่องจากน้ำท่วมนาข้าว ทุ่งหญ้า และเขตป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ รวมทั้ง ปศุสัตว์เริ่มล้มป่วยและเสียชีวิตบ้างแล้ว ที่ อ.หัวไทร น้ำไหลท่วมนากุ้ง บ่อเลี้ยงปลา บ่อเลี้ยงตะพาบน้ำ และฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจอื่นๆ ใน ต.หน้าสตน ต.เกาะเพชร ต.ท่าซอม ผู้ประกอบการได้รับความเสียหายมหาศาล

ด้าน พ.ต.อ.ปวร พรพรหมมา ผกก.สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งพบศพอยู่ในสวนปาล์ม ริมถนนสายสิชล-สุราษฎร์ธานี ช่วง ต.ทุ่งใส อ.สิชล ไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.สิชล พบศพ นายวรรณยุติ มานะจิตต์ อายุ 52 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ 5 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี นอนคว่ำหน้าติดอยู่ใต้ต้นปาล์ม เสียชีวิตมาแล้วกว่า 20 ชั่วโมง แพทย์ผู้ชันสูตรเปิดเผยว่า นายวรรณยุติเสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำ โดยมีคนเห็นเหตุการณ์ยืนยันว่านายวรรณยุติพยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ขับขี่รถ จักรยานยนต์ที่ถูกน้ำซัดจนรอดชีวิต แต่ตัวนายวรรณยุติกลับถูกน้ำซัดหายไป หลังจากน้ำลดจึงมาพบศพในวันนี้ ส่งผลให้ขณะนี้ที่ อ.สิชล มีผู้เสียชีวิตสะสมแล้วรวม 5 ราย

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งว่าพบศพคนจมน้ำเสียชีวิตที่คลองบ้านน้ำตก หมู่ 1 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา ผู้เสียชีวิตชื่อนายพรชัย หวานคง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/1 หมู่ 1 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จมน้ำตายในคลองดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายถูกกระแสน้ำป่าไหลหลากพัดจมน้ำหายไปและมาพบศพหลังจากระดับน้ำเริ่มลด ลง

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา น้ำจำนวนมากที่ไหลลงมาตามแม่น้ำตาปี และคลองพุมดวง มาบรรจบกันในเขตเทศบาลเมืองท่าข้าม อ.พุนพิน ส่งผลให้ระดับน้ำในเขตตลาดพุนพินสูงกว่า 1 เมตร และไหลบ่าเข้าท่วมหน่วยงานราชการ สถานีรถไฟ สถานีตำรวจ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพชาวบ้านออกนอกพื้นที่อย่างยากลำบากเนื่องจากกระแส น้ำเชี่ยวกราก ด้านการจราจรจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ออกไปยังถนนสายเอเชีย 41 ช่วง ต.หนองไทร อ.พุนพิน ไปจนถึงเขตรอยต่อ อ.บ้านนาเดิม ระยะทางประมาณ 20 กม. น้ำยังคงท่วมสูงและเชี่ยว รถทุกชนิดผ่านไม่ได้  ส่งผลให้เส้นทางสายใต้ถูกตัดขาด

ส่วนที่ รพ.ท่าโรงช้าง ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย 41 และสร้างต่ำกว่าระดับถนน ทำให้ น้ำไหลบ่าเข้าท่วมสูง แม้ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลจะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งหมดขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร แต่ด้วยปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำท่วมสูงถึงชั้น 2 จนต้องนำเรือเข้าไปเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งหมดออกจากโรงพยาบาล ก่อนนำส่งต่อด้วยรถยีเอ็มซีของทหาร เพื่อไปรักษาต่อที่ รพ.พุนพิน

ชุด ค้นหานายชำนาญ ไมอินทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ปากหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งถูกน้ำพัดตกคลองปากหมาก ขณะนำลูกบ้านเข้าซ่อมสะพานป้าปุก โดยใช้ไม้ขนาดใหญ่เขี่ยกิ่งไม้ที่ติดอยู่ใต้ สะพานเพื่อระบายน้ำทำให้จมหายไปตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุดชุดค้นหาได้พบศพนายชำนาญถูกกระแสน้ำพัดไปติดใต้กอไผ่ บ้านหัวอาย หมู่ 2 ต.ปากหมาก ห่างจุดเกิดเหตุ 1 กม. ขณะที่อำเภอรอบนอก อาทิ พระแสง ชัยบุรี เวียงสระ ยังคงมีน้ำท่วมสูง ถนนหลายสายถูกตัดขาดเช่นกัน

ที่ จ.สุราษฎร์ธานี สะพานขนาดใหญ่ข้ามแม่น้ำตาปี ความยาว 220 เมตร ถนนเซาน์เทิร์นซีบอร์ด (กระบี่-กาญจนดิษฐ์) ฝั่งขาเข้า จ.สุราษฎร์ธานี ท้องที่ ต.เขาตอก อ.เคียนซา คู่ขนานกับสะพาน กม.ที่ 85 ได้ถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากกัดเซาะปูนซีเมนต์เสริมเหล็กคอสะพานหลุด และน้ำทะลักเซาะดินคอสะพานพังขาดจากตัวเชื่อมสะพานกว้างกว่า 3 เมตร ต้องปิดการจราจร และตัดขาดการเชื่อมระหว่างฝั่งอ่าวไทยกับฝั่งอันดามันโดยสิ้นเชิง หลังจากเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา สะพานคู่ขนานฝั่งขาออกไป จ.กระบี่ เกิดเหตุตอม่อกลางสะพานทรุดลง 1.2 เมตร และถูกน้ำกัดเซาะคานสะพานขาด 30 เมตร หล่นลงในแม่น้ำตาปี มูลค่าความเสียหายนับ 100 ล้านบาท และอาจจะต้องปิดซ่อมบำรุงนานนับปีกว่าจะเปิดใช้บริการได้อีก

นาย สมพล พรหมเจียม ผอ.แขวงการทางสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การสัญจรอยู่ในขั้นวิกฤติ ถนนสายหลัก ทางหลวงเอเชีย 41 ขาดช่วง หลัก กม.153-169 ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน กับหลัก กม.165-166 ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม และทางหลวง 417 สายท่าอากาศยาน-ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี กม.14-17 ต.คลองน้อย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และทางหลวง 41 หนองขรี-สุราษฎร์ ล่าสุดคอสะพานทรุดลงแล้ว 2 จุดรถผ่านไม่ได้ น้ำยังท่วมคอสะพานพระจุลจอมเกล้า ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน และถนนมหาดไทยสุราษฎร์-ภูเก็ต น้ำท่วมที่บ้านบางอ้อ ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน โดยไม่มีเส้นทางใดเข้า-ออกตัวเมืองสุราษฎร์ธานีได้เลย

จ.พัทลุง ตลอดคืนที่ผ่านมายังมีฝนตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนเกิดดินสไลด์เป็นวงกว้างในพื้นที่หมู่ 1 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ และบริเวณหลัง สภ.ศรีนครินทร์ รวมทั้งในพื้นที่ ต.เขาปู่ และ ต.เขาย่า อ.ศรีบรรพต รวม 4 จุด แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่สวนไม้ผลและสวนยางพารา ส่วนในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านคลองหรั่ง ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา พบรอยแยกและการพังของหน้าดิน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับน้ำตกหนานสูง เทศบาลตำบลคลองทรายขาว ได้ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมโดย ทั่วไปในพื้นที่ จ.พัทลุง ล่าสุดน้ำได้ลดลงแล้วจาก 11 อำเภอ คงเหลือพื้นที่น้ำท่วมอยู่แค่ 5 อำเภอ บริเวณริมทะเลสาบสงขลา คือ อ.เมืองพัทลุง ควนขนุน เขาชัยสน บางแก้ว และปากพะยูน ขณะนี้น้ำท่วมหนักอยู่ใน ต.พญาขน ต.ลำปํา และ ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง ระดับน้ำสูง 50-60 ซม. และพื้นที่ อ.ควนขนุน ใน ต.ทะเลน้อย และ ต.พนางตุง มีระดับน้ำท่วมสูง 1.50 เมตร โดยเฉพาะหมู่ 7 บ้านหัวป่าเขียว ต.ทะเลน้อย ชาวบ้าน 33 ครอบครัวยังคงอาศัยอาคารศูนย์ศิลปาชีพ เนื่องจากน้ำยังท่วมขังสูงไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้ นายธนกร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พัทลุง เผยตัวเลขความเสียหายด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ ถนนเสียหาย 97 สาย สะพาน 6 แห่ง วัด มัสยิด โรงเรียน และสถานีอนามัย 138 แห่ง มูลค่าความเสียหาย 103,660,400 บาท

นายไพโรจน์ อินทรศรี ปศุสัตว์จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ช่วงฝนตกหนักและน้ำท่วมขังใน จ.พัทลุง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ควนขนุน ส่งผลให้ฝูงควายที่เกษตรกร ต.พนางตุง ต.ทะเลน้อย เลี้ยงไว้ในทะเลน้อย ล้มตายลงจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นลูกควายและควายขนาดเล็ก ล่าสุดพบควายตายไปแล้ว 58 ตัว เนื่องจากน้ำในทะเลน้อยท่วมสูงจนควายอ่อนเพลียและหมดแรงจมน้ำตาย ไม่ได้มาจากการเกิดโรคระบาดหรือขาดแคลนอาหาร ซึ่งปกติฝูงควายหลายพันตัวที่เลี้ยงไว้ในทะเลน้อย หากินหญ้าในทะเลน้อยได้อยู่แล้ว

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ตรัง ในส่วนของ อ.นาโยง ระดับน้ำเริ่มลดแล้วในหลายตำบล ขณะที่ในเขตเทศบาลนครตรัง หลายจุด น้ำเพิ่มสูงขึ้น บางจุดสูงกว่า 2 เมตร ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมรถผ่านไม่ได้ และพนังกั้นน้ำในพื้นที่ หมู่ 2 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง พังถล่มลงมา ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมตัวเมืองตรัง ระดับน้ำสูง 2-3 เมตร นายไมตรี อินทุสุต ผวจ.ตรัง สั่งการให้ อส. ตำรวจ และทหาร ร.15 พัน 4 เร่งอพยพราษฎรเป็นการด่วน พื้นที่ที่วิกฤติหนักสุดคือ ต.หนองตรุด และ ต.บางรัก ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำตรังน้ำท่วมตลอดสองฝั่งแม่น้ำ และเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โรงสูบน้ำของการประปาส่วนภูมิภาค จ.ตรัง ถูกน้ำท่วมและต้องงดจ่ายน้ำประปาทั้งหมดแล้ว สร้างความเดือดร้อนให้กับราษฎรใน จ.ตรัง อย่างมาก

ที่ จ.ชุมพร เกิดเหตุหินภูเขา "พ่อตาขุนไกร" ถนนซอยหินตัด หมู่ 8 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ถล่มลงมาทับบ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหาย นายนิพัทธ์ ขำเกิด ผช.ผญบ.หมู่ 8 ต.เขาค่าย เผยว่า ช่วงสายที่ผ่านมา มีก้อนหินขนาดใหญ่น้ำหนักหลายตัน ขนาดเท่ารถบรรทุกสิบล้อ และรถกระบะกว่า 10 ก้อน พังถล่มลงมาจากยอดเขา ทำให้สวนยางพาราและสวนปาล์มของชาวบ้านถูกก้อนหินกลิ้งทับเสียหาย และได้ทับบ้านเลขที่ 156/1 หมู่ 8 ของนางบุบผา นวลจุ้ย อายุ 40 ปี พังทั้งหลัง โชคดีไม่มีใครอยู่ในบ้าน โดยก้อนหินยังกลิ้งไปชนบ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหายเล็กน้อย อีก 10 หลังคาเรือน ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากฝนตกติดต่อมาเป็นเวลานาน ดินที่อยู่บนภูเขาอุ้มน้ำไม่ไหว จึงทำให้ก้อนหินบนภูเขาถล่มลงมา และคาดว่าต้องอพยพคนทั้งหมู่บ้านไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย

จาก สภาวะคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร พัดเข้าหาตลอดแนวชายฝั่งของ จ.ปัตตานี ส่งผลทำให้พื้นที่ อ.เมืองปัตตานี หนองจิก สายบุรี ไม้แก่น ยะหริ่ง ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ อ.ยะหริ่ง ถูกคลื่นลมแรงพัดกัดเซาะพื้นดินเดิมยุบหายไปในทะเลกว่า 30 เมตร ถนนเลียบชายฝั่งหมู่ที่ 3 บ้านท่าด่าน ต.ตะละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง-อ.ปะนาเระ ระยะทางกว่า 500 เมตร พังเสียหาย จนใช้การไม่ได้ นายมะลีเปง ยายา ชาวบ้านเล่าว่า คลื่นทะเลพัดกัดเซาะจนพื้นดินและถนนลาดยางพังยุบ ตนและครอบครัวต่างหวาดกลัวเกรงว่าคลื่นจะยังคงซัดเข้าหาฝั่ง ทำให้บ้านที่ก่อนหน้านี้อยู่ห่างจากทะเลกว่า 70 เมตร แต่ตอนนี้เหลือเพียง 30 เมตรเท่านั้น ขณะที่ ต.ดาโต๊ะ หมู่ 1 บ้านบุดี หมู่ 2 บ้านตะโล๊ะสะมิแล และหมู่ 3 บ้านบาตาบุดี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง น้ำทะเลยังซัดถนนลาดยางสายริมทะเลเข้าหมู่บ้านพังเป็นระยะทางเกือบ 1 กม.

นาย วิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ อุทกภัยในภาคใต้มีพื้นที่ประสบภัย 8 จังหวัด 87 อำเภอ 568 ตำบล 4,615 หมู่บ้าน ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ และพังงา ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 294,097 ครัวเรือน 998,867 คน ผู้เสียชีวิต 21 ราย ใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 9 ราย พัทลุง 2 ราย สุราษฎร์ธานี 4 ราย กระบี่ 6 ราย ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือค่าจัดการศพตาม ระเบียบกระทรวงการคลัง โดยจ่ายค่าจัดการศพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต จ่ายรายละไม่เกิน 25,000 บาท หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจ่ายเงินช่วยเหลืออีกไม่เกิน 25,000 บาท

ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ ว่า พื้นที่ทางฝั่งอันดามันจะประสบภัยมากขึ้น แต่ขณะนี้กำลังจับตาดูในส่วนของอ่าวไทยอีกครั้ง เพราะเรื่องการพยากรณ์อากาศยังไม่น่าวางใจ เมื่อถามว่าประชาชนจะต้องอยู่กับสภาพอากาศที่ไม่ปกติอีกนานแค่ไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่าอีก 2-3 วัน แต่จะต้องติดตามสถานการณ์ตามความเป็นจริง ขณะเดียวกันการเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละพื้นที่ชาวบ้านจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับ แต่ละพื้นที่ เมื่อถามถึงความชัดเจนของตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บที่ จ.กระบี่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. มีรายงานยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 6 คน แต่ความจริงพบอีก 1 ราย เรื่องนี้เข้าใจว่ามีการซักซ้อมกับทางผู้นำท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบ เพราะฉะนั้นตัวเลขไม่น่าจะผิดพลาด

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ไปดูแล้วหนักใจมากเพราะมีถนน สะพานเสียหายมาก ต้องซ่อมแซม สร้างใหม่ นอกจากนี้ก็ยังมีเรือกสวนไร่นา บ้านช่อง ต้องมาดูว่ามีงบประมาณกลางเหลือเท่าไหร่ เรื่องสำคัญเรื่องแรกคืองบประมาณเพื่อสร้างถนนสะพานเป็นเรื่องเร่งด่วนจำ เป็น เพราะไม่อย่างนั้นประชาชนจะสัญจรไม่ได้ เรื่องที่ 2 เรื่องการฟื้นฟูเรือกสวนไร่นาของเกษตรกร เมื่อถามว่าเป็นเพราะในพื้นที่มีการตัดต้นไม้ เพื่อมาทำสวนยางพาราแล้วทำให้ดินไม่อุ้มน้ำหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะสวนยางพาราก็เป็นไม้ชนิดหนึ่ง ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่ากำลังจะสงกรานต์น้ำท่วมได้  พราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ นี่เป็นรอบ 2 แล้วของภาคใต้ สิ่งที่เราจะดูกันต่อคือทางน้ำทั้งหลาย ทำอย่างไรให้ระบายได้เร็ว เพราะฝนมันตกมากเกินไป

ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามค้นหาผู้สูญหายว่า ปัญหาในตอนนี้คือเข้าไป ในพื้นที่ไม่ได้เพราะน้ำมีปริมาณสูงและการขึ้นไปตรวจการทางอากาศยังทำได้ จำกัด ฟ้ายังปิดอยู่และมีฝนตกในบางพื้นที่ แต่พื้นที่ใดที่เข้าไปได้ ได้สั่งการไปแล้วว่าให้ใช้กำลังคนและสุนัขทหารเข้าไปดูแล สำหรับปัญหาของคนที่จะมาเกณฑ์ทหารไม่ได้นั้น ได้ให้นโยบายไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องว่าถ้าหน่วยใดที่มีปัญหา หรือคนใดที่มีเหตุผล ความจำเป็นให้ไปแจ้งที่กองอำนวยการตรวจเลือก เขาจะพิจารณาเหตุผลความสมควรต่างๆ และเลื่อนการเกณฑ์ไปปีหน้า ในส่วนบางพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เข้าไปไม่ได้นั้น ต้องขยับที่กันออกมา ต้องดูที่ปัญหา หากพื้นที่นี้ใช้ไม่ได้ก็ขยับหาพื้นที่ใหม่และจัดรถ จัดเรือไปรับก็แล้วแต่ คิดว่าแก้ปัญหาได้ เพราะมีมาตรการต่างๆอยู่ เจ้าหน้าที่ที่ไปรับการตรวจเลือกอยู่ในระดับผู้พัน มีวิจารณญาณว่าจะแก้ไขอย่างไร

ด้านพล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. สั่งการให้ตำรวจสื่อสารจัดรถดาวเทียมเคลื่อนที่ประจำในพื้นที่ประสบภัยน้ำ ท่วมที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อถ่ายทอดสัญญาณติดต่อสื่อสารกับผู้ประสบภัย และยังมีคำสั่งระดมกำลัง ตชด.จากทุกพื้นที่ และเฮลิคอปเตอร์ เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ได้มากที่สุด ด้าน พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัธน์ รองโฆษก สตช. กล่าวว่า ผบ.ตร. มีคำสั่งให้สำนักงานส่งกำลังบำรุง นำถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย และครอบครัวตำรวจ ตามที่ได้รับการร้องขอจากตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งขณะนี้ บช.ภ.8 ต้องมีการเคลื่อนย้ายเอกสารและอุปกรณ์ที่จำเป็นไปตั้งไว้ชั่วคราวที่ บก.สส. บช.ภ.8 เนื่องจากน้ำท่วมกองบัญชาการ และหลายเส้นทางเข้าพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี

อาจารย์ พุทธพร แข็งแรง ประธานศูนย์ส่งเสริมศิลปิน ศิลปวัฒนธรรมไทย เทพทองพระราชทาน เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในพื้นที่ภาคใต้ขณะนี้ จึงได้ร่วมกับศูนย์การค้าจตุจักรสแควร์, สมาคมผู้ประกอบการตลาดนัดจตุจักร, สมาคมขนส่งทางบก แห่งประเทศไทย, สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติสไทย รวมถึงองค์กรภาคเอกชนหลายแห่ง จัดฟรีคอนเสิร์ต "รวมพลังคนไทยปันน้ำใจช่วยชาวใต้" ในวันเสาร์ที่ 2 เม.ย.นี้ ตั้งแต่บ่าย 3 โมง-5 ทุ่ม บริเวณด้านหลังศูนย์การค้าจตุจักรสแควร์ ถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามตลาดนัดสวนจตุจักร โดยมีดาราศิลปินลูกทุ่งชื่อดังมาร่วมงาน ภายในงานจะเปิดรับบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เพื่อส่งไปให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่ ขณะเดียวกันผู้ที่ร่วมบริจาคจะได้รับแจกวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด ที่ผ่านพิธีจากหลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางภาคใต้

นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ รฟท. กล่าวว่า รถไฟสายใต้ในวันที่ 1 เม.ย. ยังไม่สามารถเดินขบวนรถผ่าน จ.สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ได้ ด้านนายสมชาย จันทร์รอด อธิบดีกรมการบินพลเรือน กล่าวว่า น้ำยังคงท่วมบนทางวิ่งและลานจอดเครื่องบินท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช สิ่งที่ต้องระวังคือป้องกันน้ำไม่ให้ท่วมอาคารติดตั้งระบบไฟฟ้า ส่วนไฟฟ้าที่ใช้ในอาคารผู้โดยสารเป็นไฟฟ้าสำรอง หากน้ำท่วมทางวิ่งเป็นระยะเวลานานจะยิ่งส่งผลเสียมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์  สายการบินแอร์เอเชีย  เปิดเผยว่า  แอร์เอเชีย รับเป็นสื่อกลางในการรับส่งสิ่งของบริจาคช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ติดต่อได้ที่สำนักงานแอร์เอเชีย ที่สนามบินทั่วประเทศ

ขณะที่นางคริ สตี้ เอ. เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้ส่งสาส์นแสดงความเสียใจต่อกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติในหลายจังหวัดทางภาคใต้ ของไทย โดยระบุว่า ในนามประชาชนอเมริกัน ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุ อุทกภัยร้ายแรงในภาคใต้ของไทย เราขอสวดภาวนาให้ประชาชนชาวไทย ซึ่งเป็นมิตรเก่าแก่ของเรา นอกจากนี้ ดิฉันขอขอบคุณรัฐบาลและกองทัพเรือไทย ที่ได้ให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ เป็นอย่างดี และชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยวไทยที่พูดภาษาอังกฤษได้ ที่โทร. 1155 หรือที่แผนกบริการบุคคลสัญชาติอเมริกัน สถานทูตสหรัฐอเมริกา หมายเลข (66) 2-205-4049 หรือ (66) 2-205-4000 ในช่วงนอกเวลาทำการ

ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายวิทเยนทร์ มุตตามระ รอง ผอ.ศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) แถลงว่า ล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยภาคใต้ 25 คน คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในวันที่ 4-5 เม.ย. ขณะนี้มีพื้นที่ 4 จังหวัด ต้องเฝ้าระวังได้แก่ พัทลุง นครศรีธรรมราช กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ประชาชนติดค้างอยู่ในพื้นที่นับพันราย และเริ่มทยอยช่วยเหลือออกมา ขณะนี้ได้ส่งทหารหน่วยรบพิเศษเข้าไปติดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อให้การสื่อสารในพื้นที่ดำเนินการได้ ทั้งนี้ จะเสนอ ครม.ในวันที่ 4 เม.ย. เพื่อขออนุมัติเงินช่วยเหลือครอบครัวละ 5 พันบาท รวม 300,000 ครัวเรือน ใช้งบประมาณ 1,500 ล้านบาท พื้นที่เกษตรเสียหาย 732,655 ไร่ เกษตรกรเดือดร้อน 111,827 ราย และมีเส้นทางผ่านไม่ได้ 22 เส้นทาง

--------------------------------------------------------------------------------------
เมืองคอนวิกฤติ น้ำทะลักรพ. ย้ายผู้ป่วยโกลาหล พบแล้ว9ศพ [ ไทยรัฐ : 1 เม.ย. 54 ]


น้ำท่วมภาคใต้ทุกจังหวัดยังวิกฤติ เพราะ ฝนถล่มต่อเนื่อง พื้นที่นครศรีธรรมราชจมใต้บาดาลเป็นวงกว้าง รพ.ท่าศาลา น้ำทะลัก ท่วมจมมิดระลอก 2 ขณะที่รพ.มหาราช น้ำกลับท่วมสูง ด้านชาวบ้านกรุงชิง อ.นบพิตำ ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก รอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนายังไม่ทราบชะตากรรมเป็นตายนับร้อยชีวิต ส่วน จ.กระบี่ ยอดตายพุ่ง 9 ศพ ชาวบ้านผวาดินภูเขาสไลด์ถล่มซ้ำเติม หลังฟ้าฝนตกไม่ยอมหยุด แถมพากันอดหิวโซหนัก ด้าน จ.สุราษฎร์ธานี 19 อำเภอ จมอยู่ใต้บาดาล ชาวบ้านโวย "เทพ เทือก" ไม่แจกข้าวกิน ส่วนกรมอุตุเตือนใต้ยังมีฝนตกชุก ขณะที่ ผบ.ทบ.วอนทุกฝ่ายยื่นมือร่วมซับน้ำตาผู้ประสบอุทกภัย
อุทกภัยภาคใต้ ยังวิกฤติอีกหลายพื้นที่ ทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร กระบี่ และพัทลุง แต่ละพื้นที่น้ำป่าทะลักท่วมเรือกสวนไร่นาเสียหายเป็นวงกว้าง แถมมีดินภูเขาสไลด์ทับบ้านเรือนทรัพย์สินราบเป็นหน้ากลอง มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่าสิบราย ขณะที่สัตว์เลี้ยงล้มตายสังเวยน้ำท่วมใหญ่เป็นเบือ ชนิดที่ไม่เคยพบไม่ เคยเจอมาก่อนในประวัติศาสตร์น้ำท่วมภาคใต้ที่รุนแรงขนาดนี้ ทั้งยังเป็นการท่วมนอกฤดูกาล ทำให้หน่วยงานราชการ รวมทั้งชาวบ้านไม่ได้เตรียมการมาก่อน เลยพากันเดือดร้อนอย่างหนัก

สถานการณ์ น้ำท่วมที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้แม้พื้นที่ประสบภัยยังเท่าเดิม แต่สถานการณ์กลับรุนแรงมากขึ้น เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ทุกตรอกซอกซอยจมใต้บาดาลทั้งเมือง ระดับสูงประมาณ 1-2 เมตร พื้นที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช น้ำทะลักเข้าท่วมขังหนัก และมีแนวโน้มระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แพทย์และพยาบาลพากันอพยพคนป่วยและเครื่องมือการแพทย์ รวมทั้งเวชภัณฑ์ยา หนีน้ำกันอย่างทุลักทุเล ถนนสายพัฒนาการคูขวาง เป็นถนนสายธุรกิจหลักของ จ.นครศรีธรรมราช ถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร รถเล็กสัญจรไม่ได้ ส่วนถนนสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี เป็นอัมพาตรถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เพราะน้ำท่วมบนถนนสูง 1-2 เมตร

ส่วน พื้นที่รอบนอกที่ อ.นบพิตำ หลายตำบลถนนและสะพานถูกตัดขาด รวมทั้งสะพานคลองกลาย ท้องที่ อ.นบพิตำ ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ถูกกระแสน้ำป่าซัดพัง ชาวบ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง สายวันเดียวกัน พ.ต.ท.พีระพัฒน์ ติงงะ สวส.สภ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิตในคลองกัน หมู่ 2 ต.นบพิตำ นำกำลังไปสอบสวน พอไปถึงพบหน่วยกู้ภัยช่วยกันนำศพขึ้นจากน้ำก่อนแล้ว ทราบชื่อนาง สมใจ รัตนแก้ว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150/8 หมู่ 2 ต.นบพิตำ ตามลำตัวไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย ทราบว่าผู้ตายมีบ้านอยู่เหนือคลองกัน อาศัยกันอยู่ 3 พ่อแม่ลูกและเมื่อสองวันที่ผ่านมา เกิดน้ำป่าบนภูเขาถล่มลงมาพัดบ้านพัง หอบ 3 พ่อแม่ลูกจมหายไปกับกระแสน้ำ กระทั่งมีคนมาพบศพนางสมใจลอยในลำคลอง ขณะที่ ด.ญ.เสาวลักษณ์ วโรรส อายุ 12 ปี ยังสูญหาย ส่วนสามีและพ่อของหนูน้อยรอดหวุดหวิด หน่วยกู้ภัยเร่งค้นหาร่าง ด.ญ.เสาวลักษณ์กันอยู่

ด้านนายเดชา กังสนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เผยถึงการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในเหมืองแร่บนภูเขาไม้ไผ่ หมู่ 8 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่พอรู้ จุดพิกัดที่แน่นอนแล้วว่าราษฎรและคนงานเหมืองแร่กว่า 100 ชีวิต ที่ติดอยู่บนภูเขาอยู่บริเวณไหน รอให้อากาศเปิดก็จะส่งเสบียงอาหารขึ้น ฮ.ไปหย่อนให้กับผู้ที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน เพราะแต่ละคนอดอาหารมาหลายวันแล้ว

ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.เดชา กิ่งวงศา รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พ.อ.สมชาย ภุมรินทร์ รองเสนาธิการ ทภ.4 นำกำลังทหารชุดค้นหากู้ภัยจากหน่วยร้อยฝึกรบพิเศษที่ 4 จำนวน 30 นาย พร้อมอุปกรณ์เครื่องสนามครบชุดและวิทยุสื่อสารเดินเท้าฝ่าสายฝนที่ยังตกลงมา อย่างหนัก ขึ้นไปช่วยเหลือชาวบ้านบนภูเขาไม้ไผ่ จำนวน 9 หมู่บ้าน ของ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ ล่าสุดเที่ยงวันเดียวกันมีรายงานแจ้งว่าเกิดเหตุดินภูเขาสไลด์ แต่ยังไม่ทราบชะตากรรมของราษฎรทั้ง 9 หมู่บ้านกว่าร้อยชีวิต เพราะไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากไฟฟ้าดับและไม่สามารถสื่อสารกันได้ทั้งทาง โทรศัพท์และวิทยุ เจ้าหน้าที่ต้องตั้งศูนย์วิทยุสื่อสารเพื่อติดต่อประสานงานกับด้านล่าง ในการส่ง ฮ. ขึ้นไปหย่อนเสบียงอาหารให้ชาวบ้านผู้ประสบภัย

ส่วน พื้นที่ ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี มีดินภูเขาถล่ม ลงหลายจุด ถนนในหมู่บ้านเกือบทุกสายถูกตัดขาด ต้นไม้หักโค่น ไฟฟ้าดับมืดสนิททั้งหมู่บ้าน ส่วนพื้นที่ ต.สะแก้ว ต.ท่าขึ้น ต.กลาย อ.ท่าศาลา มีน้ำท่วมสูงเป็นวงกว้าง และน้ำป่าทะลักอีก เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจาก อ.นบพิตำและ อ.พรหมคีรี ส่งผลให้ รพ.ท่าศาลา ถูกน้ำท่วมซ้ำระลอกสอง ต้องปิดดำเนินการอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ นพ.กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.รพ.ท่าศาลา กล่าวว่า จุดที่นายกรัฐมนตรีมานั้น ขณะนี้ระดับน้ำสูงถึงสะเอว ระบบห้องทำฟันที่กำลังซ่อมแซมเสียหายทั้งหมดอีก ตอนนี้ต้องปิดร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ปกติ

ด้านอ.ทุ่งสง น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ ต.กะปาง ต.ที่วัง และ ต.เขาโร เป็นวงกว้าง บ้านเรือน เรือกสวนไร่นาจมอยู่ใต้บาดาล พื้นที่ราบลุ่มบางแห่งระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ถนนในหมู่บ้านถูกตัดขาด แถมน้ำป่าทะลักซัดจนโลงศพนายณรงค์ มะลิคุณ อายุ 37 ปี ป่วยเสียชีวิต ญาติตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 4 ต.กะปาง ลอยไปกับกระแสน้ำเมื่อเย็นวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ญาติต้องไล่จับโลงศพกันอย่างทุลักทุเล เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ส่วนที่ อ.สิชล เกือบทุกหมู่บ้าน มีน้ำท่วมสูง ชาวบ้านพากันเดือดร้อนอย่างหนัก เมื่อดึกคืนที่ผ่านมา กระแสน้ำถล่มซัดนางย้วน วิชัยกุล อายุ 71 ปี ญาตินายมาโนช วิชัยกุล อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช เสียชีวิตคาบ้านเลขที่ 70/1 หมู่ 2 ต.ทุ่งปรัง เช่นเดียวกับพื้นที่หมู่ 8 ต.เสาเภา ถูกน้ำท่วมหนักเช่นกัน ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 100 คน หนีน้ำกันอย่างทุลักทุเล

ขณะ ที่พ.ต.อ.สมชาย บุญครบ ผกก.สภ.ฉวาง ให้สัมภาษณ์ ทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ตำรวจที่โรงพักติดน้ำอยู่เป็นเวลา 3-4 วันแล้วไม่สามารถออกไปไหนได้ ตำรวจเดือดร้อนไม่เป็นไรเพราะยังพอทนได้ แต่ชาวบ้านในพื้นที่ทุกตำบลของ อ.ฉวาง ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมหนักมาก ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล ขณะนี้ฝนยังตกไม่หยุดคาดว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก

ส่วนที่อ.ปากพนัง นอกจากปลายแหลมตะลุมพุก ที่ถูกน้ำท่วมหนักแล้ว พื้นที่ ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก ต.บางพระ  พบมีน้ำท่วมสูงกว่า  1  เมตร  ชาวบ้านเสือร้อง ต.ปากแพรก ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทางอำเภอได้ ประสานกับทหารกองทัพภาคที่ 4 นำเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยเหลือ แต่ต้องรอให้สภาพอากาศเปิดเสียก่อน ในขณะที่นาข้าวที่กำลังพร้อมเก็บเกี่ยวใน ต.ไสหมาก ต.ท่าขนาน ต.บ้านเนิน ต.เสือหึง อ.เชียรใหญ่ ถูกน้ำท่วมเสียหายยับกว่า 5 พันไร่ สวนผักกว่า 2 พันไร่ จมอยู่ใต้น้ำ และที่เดือดร้อนหนักคือวัวของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ ไม่มีหญ้ากินมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว

เย็นวันเดียวกัน พลอากาศตรีจักรพงษ์ หอมไกรลาศ กรมวังผู้ใหญ่ ฝ่ายกิจการพิเศษ กองงานพระวรชายาฯ ผู้แทนพระองค์ฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม มกุฎราชกุมาร มอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ผู้ประสบอุทกภัย ที่บ้านบางบูชา หมู่ 8 ต.เกาะทวด อ.ปากพนัง พร้อมจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การรักษาผู้ประสบภัย พิบัติที่เจ็บป่วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ชาวบ้านต่างซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง

ส่วน ความคืบหน้าปฏิบัติการกู้ภัยเพื่อค้นหาผู้สูญหาย และเสียชีวิตจากเหตุฝายเก็บน้ำบางผึ้งพังทลาย กระแสน้ำ ดินโคลนและเศษหินกวาดหมู่บ้านหมู่ 7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ จนราบ ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานทั้งทหาร ตำรวจ หน่วยกู้ภัย และชาวบ้านกว่า 500 คน ระดมกันออกค้นหาและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.หน้าเขา โดยเจ้าหน้าที่ได้เดินเท้าขึ้นไปยังจุดที่เกิดเหตุฝายเก็บน้ำบางผึ้งพังทลาย พบสภาพความเสียหายของบ้านเรือน และสวนยาง สวนผลไม้ รวมทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ นับสิบคันถูกดินโคลนทับถมจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ที่สำคัญยังพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ศพ ทราบชื่อเพียง 3 ราย คือ 1.นายสมบูรณ์ ทองเนียม 2.นางเพชร ทองเนียม เป็นภรรยานายสมบูรณ์ 3.นางมันทนา ชูศรี และ 4.ศพ ชายไม่ทราบชื่อ ศพทั้ง 4 รายพบจมอยู่ใต้โคลนลึกกว่า 1 เมตร มีเศษท่อนไม้และก้อนหินทับอยู่ด้านบน การกู้เอาศพออกมา กินเวลานานกว่า 2 ชม.จึงสำเร็จ ก่อนจะลำเลียงไปไว้ที่ รพ.เขาพนม เป็นการชั่วคราว

จาก นั้นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้ออกค้นหาผู้สูญหาย เนื่องจากดินโคลนถล่มในพื้นที่หมู่ 10 ต.เขาพนม ซึ่งอยู่ติดกับเทือกเขาพนมเบญจา และติดกับหมู่ที่ 7 ตำบลหน้าเขา พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน เป็นชายไม่ทราบชื่อ 1 คน และศพ ด.ช.สุริยา เดชขำ อายุ 14 ปี ซึ่งถูกดินถล่มใส่บ้านเสียชีวิตด้วย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในพื้นที่ ต.หน้าเขา และ ต.เขาพนม อ.เขาพนม มีผู้เสียชีวิตรวม 9 ศพ ส่วนยอดผู้สูญหายขณะนี้เริ่มลดลง เนื่องจากพบชาวบ้านที่ประสบภัยและไม่ได้เดินทางมาที่จุดพักพิงเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้จากการสอบถามผู้รอดชีวิตทราบว่ายังมีญาติพี่น้องสูญหายไปกับกระแส น้ำและดินโคลนอีกนับสิบรายที่ยังหาไม่พบ โดยหนึ่งในจำนวนนั้นมีลูกสาววัย 2 ขวบ ของนายสมบูรณ์และนางเพชร ทองเนียม ที่พบศพก่อนหน้าด้วย

ต่อมา เวลา 15.30 น. วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ บ้านบางสร้าน และบ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จากนั้นไปเยี่ยมผู้ประสบภัยที่อพยพมาอยู่ที่พักพิงชั่วคราวที่วัดถ้ำโกบ หมู่ 2 ต.หน้าเขา โดยมีประชาชนในพื้นที่และตำบลใกล้เคียงที่ทราบข่าวเดินทางมารอพบนายกฯกว่า 1 พันคน จากนั้นได้ไปวางพวงหรีดที่หน้าศพผู้เสียชีวิตที่ตั้งอยู่ที่วัดดังกล่าว 2 ศพ คือนางแก้วดารา แข็งขัน อายุ 50 ปี และนายไพศาล ชูศรี อายุ 33 ปี แล้วเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลเขาพนม เยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจำนวน 13 คน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวกับผู้ประสบภัยว่าจะนำเรื่องการช่วยเหลือเข้า ครม. เพื่ออนุมัติงบประมาณให้ต่อไป ก่อนเดินทางกลับ

ขณะที่ชาวบ้านจำนวน มาก ในหมู่ที่ 2 ตำบลเขาดิน อ.เขาพนม รอยต่อตำบลหน้าเขา เริ่มทยอยกลับเข้าบ้านพักเพื่อทำความสะอาด หลังจากเมื่อวันที่ 29 มี.ค. น้ำป่าได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนกว่าร้อยหลังคาเรือน โดยระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซม. ไปจนถึง 2 เมตร บางแห่งน้ำสูงท่วมมิดหลังคา ชาวบ้านได้อพยพออกไปพักอาศัยอยู่ที่วัดกอตง จากการตรวจสอบพบว่าข้าวของเครื่องใช้ ต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับความเสียหายทั้งหมด ขณะที่บางหลังน้ำยังคงท่วมขังอยู่ และบางจุดโดยเฉพาะถนนสายนาเหนือ-ควนม่วง ระดับน้ำยังสูงประมาณ 1 เมตร รถทุกชนิดยังไม่สามารถสัญจรได้

นายอัคร ชัย อนันตชาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลเขาดิน กล่าวว่า ผ่านมา 3 วันแล้ว ชาวบ้านได้รับความช่วยเหลือน้อยมาก จากการสำรวจพบมีชาวบ้านประมาณ 100 กว่าคน ที่ได้รับความเดือดร้อน รอการช่วยเหลือจากทางราชการ ส่วนข้าวสารอาหารแห้งนั้น ได้รับจากเหล่ากาชาดจังหวัดในครั้งแรกครั้งเดียว จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม ขอให้ส่วนราชการเร่งเข้ามาในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านเป็นการด่วน ด้วย โดยเฉพาะเรื่องอาหารและน้ำดื่ม เพราะยังไม่สามารถหาซื้อได้ในพื้นที่

ส่วน จ.สุราษฎร์ธานี พื้นที่ทั้ง 19 อำเภอยังอยู่ในขั้นวิกฤติ เพราะมีฝนเทกระหน่ำทั้งวันทั้งคืน ส่งผลให้น้ำป่าจาก จ.นครศรีธรรมราช และ จ.กระบี่ ไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ อ.ชัยบุรี พระแสง บ้านนาเดิม เคียนซา และ อ.พุนพิน อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำก่อนไหลลงแม่น้ำตาปีและออกอ่าวไทย ระดับน้ำในคลองพุมดวง คลองสาขา เพิ่มขึ้นจนเอ่อล้นท่วมถนนสายเอเซีย 41 ตั้งแต่บ้านหนองขรี ต.หนองไทร ไปจนถึงแยก กม.18 ระยะทางประมาณ 10 กม. ทำให้การสัญจรเส้นทางล่องใต้ต้องตัดขาดอีกครั้ง พื้นที่ ต.สองแพรก อ.ชัยบุรี ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง ชาวบ้านนับร้อยครัวเรือนเดือดร้อน ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ มีดินภูเขาถล่มปิดทางเข้าออกหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอกร่วม 50 ครัวเรือน 170 คน

นอกจาก นั้นกระแสน้ำยังซัดตอม่อกลางสะพานข้ามแม่น้ำตาปี บนถนนสายเซาเทิร์น เส้นทางกระบี่-ขนอม ช่วงเขตรอยต่อ อ.บ้านนาเดิม กับ อ.เคียนซา พื้นที่บ้านเกาะแก้ว หมู่ 1 ต.เขาตอก อ.เคียนซา เกิดทรุดตัวประมาณ 1 เมตร คาดว่าสาเหตุมาจากกระแสน้ำในแม่น้ำตาปีที่เชี่ยวกรากและดินอ่อนตัว อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทางหลวง ขณะเดียวกัน พล.ต.สนอง บุญซื่อ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี จัดส่งทหารจาก ร.25 พัน 3 จำนวน 20 นาย ร่วมกับตำรวจ สภ.กาญจนดิษฐ์ และผู้นำชุมชน เดินเท้าเข้าบ้านห้วยหอย หมู่ 10 ต.คลองสระ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกดินภูเขาซัดหายไป 5 คน เป็นชาย 2 หญิง 3 คน แต่ยังไม่ทราบชะตากรรม โดยเจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเป็นระยะทาง 5 กม. เพราะถนนถูกตัดขาด และคอสะพานชำรุด ส่วนเรือเฟอร์รี่ของบริษัท เรือซีทราน จำกัด แล่นจาก อ.ดอนสักไป อ.เกาะสมุย เปิดให้บริการแล้ว เพื่อลดปัญหานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติตกค้างบนเกาะหลายวัน

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เย็นวันเดียวกัน ระหว่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นั่งเรือท้องแบนตรวจน้ำท่วมบริเวณตลาดสดเทศบาลท่าข้าม ริมแม่น้ำตาปี อ.พุนพิน มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 2 หมื่นคน เพราะเป็นชุมชนใหญ่ 3 ชุมชน ปรากฏว่าในระหว่างที่นายสุเทพนั่งเรือกลับ ได้มีชาวบ้านเป็นชายอายุประมาณ 50-60 ปี ตะโกนต่อว่าใส่นายสุเทพ ด้วยเสียงอันดังว่า "มาทำไม ถ้ามาแล้วไม่เอาข้าวมาแจกแล้ว ไม่ต้องมา" ทำให้นายสุเทพถึงกับมีสีหน้าไม่สู้ดี และได้ตะโกนตอบกลับไปว่า "เดี๋ยวพรุ่งนี้จะจัดข้าวกล่องมาแจก" จากนั้นจึงหันไปหารือกับนายทศพล งานไพโรจน์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม พร้อมระบุว่า นายสุเทพจะขอรับผิดชอบแจกข้าวกล่อง 3 พันกล่อง จากนั้นจะให้ทางจังหวัดรับผิดชอบในส่วนที่เหลือ ในระหว่างนี้ก็จะได้ให้นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม ช่วยดูแลรับผิดชอบอีกแรง

ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังมีน้ำท่วม 8 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี กระบี่ ตรัง พังงา ชุมพร และสงขลา ส่วนที่จังหวัดตรังฝนเริ่มหยุดแล้ว มีผู้เสียชีวิต 20 ราย คือ นครศรีธรรมราช 11 ราย สุราษฎร์ธานี 4 ราย กระบี่ 4 ราย และพัทลุง 1 ราย สถานบริการสาธารณสุขถูกน้ำท่วม 77 แห่ง เป็นโรงพยาบาลชุมชน 1 แห่ง คือ รพ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ที่เหลืออีก 76 แห่ง เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ส่วนใหญ่น้ำท่วมชั้นล่าง ยังเปิดให้บริการได้ ยกเว้น 3 แห่ง ต้องปิดให้บริการ คือ ที่ รพ.สต.พ้อแดง อ.หลังสวน จ.ชุมพร น้ำท่วมสูง 2 เมตร และ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี คือ ที่ รพ.สต.ไทรทอง น้ำท่วมหลังคา รพ.สต.สองแพรก น้ำท่วมถึงชั้น 2

รม ว.สาธารณสุข  กล่าวอีกว่า  สำหรับผู้ป่วยหรือผู้ ประสบอุบัติเหตุใดๆก็ตาม ในพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม 8 จังหวัดภาคใต้ สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลฟรีทั้งหมด สามารถใช้บริการได้ทุกโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ 8 จังหวัด ไม่จำเป็นต้องไปใช้บริการที่โรงพยาบาลต้นทาง ขณะที่สถานการณ์ที่ รพ.เขาพนม จ.กระบี่ หลังจากเกิดอุบัติภัยโคลนถล่มเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 4 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 3 ราย และมีผู้ป่วยทั้งสิ้น 41 ราย เป็นชาย 14 ราย หญิง 15 ราย เด็ก 12 ราย ขณะนี้ยังนอนรักษาที่ รพ.เขาพนม 17 ราย ส่งรักษาต่อที่ รพ.กระบี่ 2 ราย สำหรับปัญหาบุคลากร รพ.เขาพนม ที่ไม่เพียงพอในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน ได้แก้ไขปัญหาแล้ว โดยทีม รพ.วชิระภูเก็ต ได้ส่งรถและอุปกรณ์การแพทย์ช่วยล่วงหน้าตั้งแต่ วันที่ 30 มี.ค. และส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เร็วรวม 8 คน พร้อมสั่งการให้แพทย์จาก รพ.เหนือคลอง จ.กระบี่ 2 คน ออกไปช่วยที่ รพ.เขาพนม ด้วย คาดว่าจะเพียงพอในการดูแลสถานการณ์ที่ อ.เขาพนม

ขณะที่นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน เผยว่า สถานการณ์ล่าสุดใน จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้เริ่มดีขึ้น เมฆฝนเริ่มหมดไปจากพื้นที่ โดยกลุ่มเมฆฝนที่เกาะกลุ่มหนาแน่บริเวณด้านทิศตะวันออกของชายฝั่งภาคใต้ เริ่มเคลื่อนตัวลงทะเล ทำให้คาดว่าในวันนี้ปริมาณฝนจะเบาบาง และหากฝนหยุดตกภายใน 1-2 วันนี้ น้ำที่ท่วมถนนสายหลักใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช จะแห้งหมดและจะกลับคืนสู่สภาวะปกติภายในไม่เกิน 3 วัน หลังจากนั้นกรมชลฯ จึงจะระดมนำเครื่องสูบน้ำไปช่วยระบายน้ำในทุ่งรับน้ำของจังหวัด มีพื้นที่รวมประมาณ 300,000 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทางการเกษตร อย่างไรก็ตาม ฝนที่ตกในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช คิดเป็นปริมาณฝนตกมากที่สุดเท่าที่กรมชลประทานเคยบันทึกไว้ นับเป็นอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 23 ปี

ส่วนนายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวงฯ กล่าวว่า จากการสำรวจความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมภาคใต้ประจำวันที่ 31 มี.ค. 2554 พบว่า ถนนของกรมทางหลวงได้รับความเสียหายรวม 75 สายทาง ไม่สามารถสัญจรได้ 30 สายทาง สามารถสัญจรผ่านได้ 45 สายทาง ประเมินความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 310 ล้านบาท ด้านนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า กรมทางหลวงฯสรุปความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยระหว่างวันที่ 23-31 มี.ค. พบว่า มีถนนได้รับความเสียหายใน 12 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ตรัง นราธิวาส นครศรีธรรมราช ปัตตานี พังงา พัทลุง ยะลา ระนอง สตูล และ สุราษฎร์ธานี รวม 139 สาย ไม่สามารถสัญจรได้ 58 สายทาง และสามารถสัญจรผ่านได้ 81 สายทาง โดยประเมินความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1,100 ล้านบาท

--------------------------------------------------------------------------------------
ดินถล่มที่เขาพนมหายไปครึ่งหมู่บ้าน ตายแล้ว 4 ราย-สูญหายอีกกว่า 100 คน [ ผู้จัดการออนไลน์ : 30 มี.ค. 54 ]

วันนี้ (30 มี.ค.) จากกรณีที่เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดกระบี่ ประสบปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะที่อำเภอเขาพนม ประสบปัญหาหนักที่สุด โดยเฉพาะที่บ้านต้นหาร ม.7 ต.หน้าเขา ดินโคลนจากภูเขาถล่มทับบ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน ส่วนที่บ้านห้วยน้ำแก้วมีดินโคลนถล่มทับบ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 20 หลัง ทับถนนหลายจุด และกระแสน้ำท่วมสะพานทางเข้าหมู่บ้าน ระดับน้ำสูงประมาณ 1-2 เมตร รถยนต์ไม่สามารถผ่านไปมาได้

ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลหน้าเขา ทหารจากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหาราบที่15 และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 411 ได้นำรถบรรทุกทหาร จำนวน 2 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ประมาณ40 นาย ฝ่ากระแสน้ำเข้าไปช่วยอพยพประชาชนออกจากหมู่บ้านประสบเหตุ ที่คาดว่าจะติดอยู่ตามบ้านเรือนอีกประมาณ 100-200 คน ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้อพยพชาวบ้านออกมาจากหมู่บ้านได้แล้วจำนวน 150 คน มารวมตัวกันอยู่ที่วัดถ้ำโกบ และวัดถ้ำเขาดิน ต.หน้าเขา


นอกจากนี้ ชาวบ้านห้วยน้ำแก้วส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมได้อพยพมารวมกันที่โรงเรียนบ้าน ห้วยน้ำแก้วแล้วประมาณ 300 คน ซึ่งกำลังรอการช่วยเหลือ จากเจ้าหน้าที่แต่ถนนหลายสายถูกดินโคลนถล่มทับรถไม่สามารรถสัญจรไปมาได้

ส่วนที่หมู่ที่ 2 บ้านนาเหนือ ตำบลเขาดิน อีกหนึ่งหมู่บ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก ระดับน้ำยังทรงตัว สูงประมาณ 50-60 ซม. น้ำท่วมบ้านเสียหายประมาณ 40 หลังคาเรือน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาสันติสุข ช่วยเหลือออกมาได้ 28 คน ยังคงติดอยู่ในบ้านอีกประมาณ 7-8 คน ซึ่งขณะนี้กำลังรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่แต่ยังขาดอุปกรณ์ การช่วยเหลือเช่น เรือท้องแบน และเชือกที่ใช้ดึงคนออกมาจากพื้นที่

จากการสอบถามนายก้าน ลิ้มซี้ ชาวบ้าน ม.7 ต.หน้าเขา ผู้ประสบเหตุ เล่าว่า เมื่อช่วงประมาณเวลา 10.00 น.ของวันที่ 29 มี.ค. 2554 ขณะที่ฝนกำลังตกหนัก ได้ยินเสียงดังคลื่นๆมาจากยอดเขาพนมเบญจา อยู่ห่างจากบ้านตน ประมาณ 100 เมตร ชั่วพริบตา น้ำจากยอดเขาได้ไหลทะลักมาอย่างรวดเร็ว เหมือนกับน้ำจากลำคลองขนาดมหึมาพัดเอาทุกสิ่งที่ขว้างหน้าหายไปกับสายน้ำ แม้แต่บ้านที่อาศัย เหลือเพียงแต่เสื้อผ้าชุดเดียว โชคดีที่ตนและครอบครัวหนีออกมาได้ทัน พร้อมเพื่อนบ้านอีกจำนวนหนึ่ง

ด้าน นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จาก การที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่ ม.7 บ้านต้นหาร ต.หน้าเขา พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ศพ เป็นชาย 3 คน หญิง1 คน คาดว่ายังติดอยู่ในหมู่บ้านอีกประมาณ 50 คน และสูญหายประมาณ 100 กว่า คน ซึ่งจะได้กำชับเจ้าหน้าที่เร่งคนหาโดยเร็วที่สุด แต่ต้องทำไปด้วยความระมัดระวัง เพราะกระแสน้ำที่ไหลบ่ามาจากเข้าพนมยังไหลเชี่ยวกราก

สำหรับพื้นที่จังหวัดกระบี่ ประกาศพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว 7 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอเขาพนม อำเภอเหนือคลอง อำเภอเกาะลันตา อำเภออ่าวลึก อำเภอลำทับ และอำเภอคลองท่อม โดยพื้นที่ที่ประสบภัยหนักที่สุดคือพื้นที่อำเภอเขาพนม รองลงมาอำเภอเมือง


-------------------------------------------------------------------------------------
สตูลรับมือน้ำจ่อท่วมเพิ่ม-นักท่องเที่ยวทิ้งเกาะหนีวิกฤตฝนนอกฤดู [ 30 มี.ค. 54 ]
       วันนี้ (30 มี.ค.) นายเอกรัฐ หลีเส็น นายอำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เร่งเตรียมรับมือน้ำท่วม โดยชาวบ้านในพื้นที่ ต.บ้านควนโดน จำนวน 200 ครัวเรือนอาจรับผลกระทบถ้าฝนยังไม่หยุดตกในวันนี้ พร้อมกับทางจังหวัดสตูลเตรียมประกาศเตือนเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติอุทกภัย โดยภาพรวมขณะนี้น้ำในพื้นที่ฝายคลองดุสน น้ำเริ่มเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวด

“ขณะนี้ฝนตกติดต่อกันมา 10 วัน โดยทางอำเภอควนโดนได้มีการประกาศเตือนล่วงหน้าผ่านเสียงตามสายมาแล้ว 2 วัน เพื่อให้ชาวบ้านได้ทันตั้งตัวให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ริมฝายคลองดูสน กว่า 200 ครัวเรือน” นายเอกรัฐกล่าว

ด้าน นายจอมพร เจริญวัฒน์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดสตูล เตือนชาวสตูลเฝ้าระวังระดับน้ำ หลังพบว่าน้ำฝายคลองสายดุสนเริ่มเข้าเขตระวังเตือนภัย หากฝนยังตกกระหน่ำในช่วง 2 วัน มาผสมน้ำในลำคลองหากไหลไปสมทบสภาพพื้นที่น้ำที่ท่วมขัง จะเพิ่มปริมาณมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ราบลุ่มได้รับความเดือดร้อน ส่วนสถานการณ์น้ำฝนในตอนนี้ ฝนที่ตกลงมาเริ่มไม่หนัก ถ้าหากฝนตกมาหนักโดยภาพรวม อีก 2 วันหวั่นน้ำในคลองจะไหลท่วมอย่างแน่นอน

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล ประจำจังหวัดชื่อดัง ทั้ง เกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง และอุทยานเกาะตะรุเตา เกาะบูโหลน ในวันนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติได้ทยอยเดินทางกลับขึ้นในฝั่ง ที่บริเวณท่าเทียบเรือปากบารา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล กันอย่างคึกคัก หลังสภาพอากาศทางทะเลยังไม่น่าไว้วางใจ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร โดยทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้นำเรือสปีดโบต 5 เครื่องยนต์ ที่สามารถนำผู้โดยสารนักท่องเที่ยวจำนวน 84 คน แล่นฝ่าคลื่นนำนักท่องเที่ยวจากเกาะหลีเป๊ะกลับขึ้นฝั่งแล้วในวันนี้จำนวน 3 เที่ยว ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยกเลิกทัวร์เพราะไม่มั่นใจสภาพอากาศ ตลอดจนความปลอดภัยจากคลื่นซัดเข้าฝั่งบนเกาะ

ด้าน ว่าที่ร้อยเอกไพโรจน์ หอมช่วย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้เตรียมดูแลความปลอดภัยทางทะเลและช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น กรณีเรือพลิกคว่ำ คลื่นซัดเรือ ด้วยการนำเรือตรวจการที่มีอยู่จำนวน 6 ลำ จอดระหว่างเส้นทางที่เรือสปีดโบ๊ตนำนักท่องเที่ยวกลับขึ้นฝั่ง พร้อมกับเน้นย้ำให้เจ้าของเรือตรวจตรานักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับขึ้นฝั่ง ใส่เสื้อชูชีพป้องกันการอุบัติเหตุหากเกิดเรือคว่ำอีกด้วย



-------------------------------------------------------------------------------------
ตรังน้ำท่วมสูง2-3ม. ราษฎรบ้านโพธิ์ติดค้าง 400 ครัว [ ไทยรัฐ : 30 มี.ค. 54 ]


น้ำทะลักท่วมเขตเทศบาลนครตรัง อบต.บ้านโพธิ์ราษฎรติด 400 ครัว ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ หลังระดับน้ำสูงประมาณ 2-3 เมตร จนท.เร่งนำเรือท้องแบนเข้าพื้นที่ แต่ติดปัญหาไม่มีเครื่องยนต์...

ผู้ สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้น้ำได้ไหลเข้าท่วมใน 6 อำเภอ ประกอบไปด้วย อ.เมือง อ.นาโยง อ.ห้วยยอด อ.รัษฎา อ.ย่านตาขาว และ อ.ปะเหลียน โดยที่หนักสุดคือ อ.นาโยง ที่มีน้ำท่วมหนักทั้งหมด 6 ตำบล และมีน้ำไหลทะลักเข้าท่วมในเขตเทศบาลตำบลนาโยงเหนือ ระดับน้ำสูงประมาณ 80 ซม.-1 ม. นอกจากนี้ในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว ระดับน้ำก็เริ่มเอ่อเข้าท่วมในเขตเทศบาล จนทำให้รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้ระหว่าง อ.ย่านตาขาว และ อ.ปะเหลียน

ในส่วนของ อ.เมืองตรัง นั้นล่าสุด ในเขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งถือเป็นใจกลางเมืองตรัง มีน้ำทะลักเข้าท่วมแล้วหลายจุด เช่น ชุมชนควนขัน ชุมชนควนขนุน ชุมชนหลังสนามกีฬา บริเวณ ถ.พัทลุง ช่วงบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ ถ.รัษฎา ช่วงหน้าสนามกีฬาเทศบาลนครตรัง และบริเวณสี่แยกสะพานวังยาว ส่งผลให้การสัญจรไปมาบางจุด ไม่สามารถผ่านได้แล้ว

ด้านนายอำนวย กลางวัง นายก อบต.บ้านโพธิ์ เปิดเผยด้วยว่า ในส่วนของพื้นที่ ต.บ้านโพธิ์ กำลังประสบปัญหาหนักเช่นกัน โดยเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา น้ำได้เริ่มไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในหลายหมู่บ้าน โดยที่หนักสุดขณะนี้คือ ม.4 ระดับน้ำสูงประมาณ 2-3 เมตร ราษฎรหลายครัวเรือนยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ เนื่องจากทาง อบต.ขาดอุปกรณ์ในการช่วยเหลือ เช่นเรือท้องแบน ซึ่งตนได้ประสานขอไปยังจังหวัด แต่ได้เพียงเรือท้องแบนมา 1 ลำ แบบไม่ติดเครื่องยนต์ ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยว ตนจึงอยากวิงวอนไปยังภาคเอกชนที่มีเรือท้องแบนแบบติดเครื่องยนต์ หรือเรือหางยาวที่ติดเครื่องยนต์ ให้ช่วยนำเรือมาช่วยอพยพชาวบ้านด้วย เพราะตอนนี้มีเดือดร้อนอยู่ประมาณ 400 ครัวเรือน.



-------------------------------------------------------------------------------------
ปภ.แจ้งยอดน้ำท่วมดับ 11 เดือดร้อนกว่า 7 แสนคน [ ไทยรัฐ : 30 มี.ค. 54 ]

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ มีพื้นที่ประสบภัย 8 จังหวัด 80 อำเภอ 536 ตำบล 3,464 หมู่บ้าน ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ และพังงา ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 257,786 ครัวเรือน 716,110 คน ผู้เสียชีวิต 11 ราย ใน 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 7 ราย พัทลุง 1 ราย สุราษฎร์ธานี 3 ราย นอกจากนี้ขอเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ตามที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และที่ลุ่มริมแม่น้ำใน 11 จังหวัดภาคใต้ ให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในระยะนี้ อาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช ระนอง สุราษฎร์ธานี พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา พังงา กระบี่ และภูเก็ต โดยเฉพาะนครศรีธรรมราช อำเภอพิปูน สิชล ลานสกา ฉวาง นบพิตำ พรหมคีรี ร่อนพิบูลย์ ระนอง อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น

นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า ชุมพร อำเภอเมืองชุมพร พะโต๊ะ ทุ่งตะโก สวี สุราษฎร์ธานี, อำเภอไชยา ท่าฉาง วิภาวดี ท่าชนะ บ้านนาสาร เวียงสระ, พัทลุง อำเภอศรีบรรพต ศรีนครินทร์ กงหรา ตะโหมด, ตรัง อำเภอห้วยยอด นาโยง ย่านตาขาว ปะเหลียน, สตูล อำเภอทุ่งหว้า มะนัง ควนกาหลง, พังงา อำเภอคุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง, สงขลา อำเภอรัตภูมิ นาทวี จึงขอให้ติดตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด หากสังเกตพบสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น น้ำในลำธารเปลี่ยนสีเป็นสีเดียวกันดินบนภูเขา สัตว์ป่าแตกตื่น มีเสียงดังอื้ออึงจากป่าต้นน้ำ ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ในทันที

ทั้ง นี้ ปภ. ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัย เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ โดยหมั่นตรวจวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ ให้รีบแจ้งเตือนชาวบ้านอพยพหนีภัยตามแผนที่กำหนดไว้โดยเร็วที่สุด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะฝนตกหนัก สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

-------------------------------------------------------------------------------------
ชุมพรยังวิกฤตน้ำท่วมสูง-ดินถล่ม-เสียชีวิตแล้ว 1 ราย [ ผู้จัดการออนไลน์ : 30 มี.ค. 54 ]


       วันนี้ (30 มี.ค.) นายจักร์พงศ์ เปี่ยมเมตตา นายอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร ได้รับรายงานจาก นายกิตติคุณ เอี่ยมเจริญ หัวหน้าหมวดการทางหลังสวน ว่า ได้เกิดดินโคลนสไลด์จากภูเขาริมถนนปิดถนนสายเอเชีย 41 ทั้ง 2 ช่องจราจร ช่วงหลัก กม.ที่ 100+73 ในช่องทางขาล่องใต้ เป็นทางยาวกว่า 30 เมตร บริเวณพื้นที่ หมู่ที่ 6 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่หมวดการทางหลังสวน เครื่องจักร อุปกรณ์ ต่างๆ เพื่อนำดินออกจากจุดที่เกิดเหตุ พร้อมหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน มีตำรวจ สภ.หลังสวน มาคอยอำนวยความสะดวก พร้อมปิดการจราจร ขาล่องใต้ ให้รถเบี่ยงไปใช้ช่องทางขาขึ้น กทม.แทน

นายจักร์พงศ์ เปี่ยมเมตตา นายอำเภอหลังสวน กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้อำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ขณะนี้หน่วยงานเกี่ยวข้องได้เปิดเส้นทางจราจรตามปกติแล้ว แต่ถือโชคดีที่ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ในขณะที่ฝนยังคงตกหนักตลอดเวลาในพื้นที่ จ.ชุมพร อย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำยังคงท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร

เมื่อเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน ที่ศาลากลาง จ.ชุมพร น.ส.วรรณา ประดับการ ผอ.เทศโก้โลตัส สาขาชุมพร พร้อมพนักงานได้นำถุงยังชีพ เครื่องอุปโภค บริโภค จำนวน 1,000 ชุด ไปมอบให้กับ นายพินิจ เจริญพานิช ผวจ.ชุมพร เพื่อนำไปช่วยเหลือแจกจ่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม และพร้อมจะประสานงานให้ความร่วมมือกับจังหวัด ในการช่วยเหลือต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ นายพินิจ เจริญพานิช ผวจ.ชุมพร ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จ.ชุมพร ได้ออกประกาศแจ้งเตือนแจ้งประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับหย่อมความกดอากาศต่ำยังปกคลุมภาคใต้ตอนกลาง ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ต่อไปอีก 1-2 วัน ปริมาณน้ำฝนวัดได้สูงสุดที่ อ.ละแม 160 มม.

โดยมีพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว ขณะนี้ รวม 7 อำเภอ 1 เทศบาลเมืองหลังสวน 17 ชุมชน 40 ตำบล 381 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 55,385 คน 18,684 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร ถนน สะพาน วัด สถานที่ราชการ สิ่งสาธารณสมบัติทางราชการ ที่อยู่อาศัยของประชาชน ชำรุด เสียหายจำนวนมาก ประเมินความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ขณะนี้มีหน่วยงานรัฐ อบจ.ชุมพร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนระดมกำลังออกแจกจ่าย ถุงยังชิพ เครื่องอุปโภค บริโภค และอพยพย้ายราษฎรที่ประสบภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัย

พื้นที่ได้รับความเสียหายหนัก สุดในขณะนี้ ได้แก่ อ.หลังสวน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 23,076 คน 9,173 ครัวเรือน นอกจากนั้นยังมีบ้านพักอาศัยพังทั้งหลัง 3 หลัง บ้านพักอาศัยเสียหายบางส่วน 24 หลัง สถานที่ราชการ 1 แห่ง พืชสวน 2,181 ไร่ พืช 571 ไร่ บ่อปลา 313 บ่อ สัตว์เลี้ยง โค 19 ตัว สุกร 11 ตัว เป็ด 1,000 ตัว ไก่ 300 ตัว ถนนได้รับความเสียหาย 119 สาย คอสะพาน 13 แห่ง สะพาน 12 แห่ง ท่อระบายน้ำ 3 จุด ท่อเหลี่ยม 5 จุด ฝ่าย 2 แห่ง ความเสียหายเบื้องต้น 20,650,000 บาท

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พบศพคนจมน้ำตายเป็นชายไม่ทราบชื่อ นามสกลุ อายุประมาณ 50 ปี ที่บริเวณหนองน้ำ หมู่ที่ 7 ต.นาขา อ.หลังสวน ขณะนี้ศพเก็บไว้ที่หน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน เพื่อติดตามหาญาติต่อไป

--------------------------------------------------------------------------------------
พังงาดินสไลด์บนถนนเพชรเกษม ถ้ำทองหลาง-เขานางหงส์ จนท.ประกาศปิดห้ามใช้เส้นทางหวั่นเกิดอันตรายในการสัญจร [ ผู้จัดการออนไลน์ : 29 มี.ค. 54 ]

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดพังงา ฝนที่ตกอย่างหนัก ทำให้หลายพื้นที่มีดินสไลด์เกิดในหลายจุดโดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา บนถนนเพชรเกษม สายเขานางหงส์-ตำบลถ้ำทองหลาง ตกอยู่ในสภาพถนนทรุดตัว เนื่องจากดินที่รับน้ำฝนในปริมาณมาก ทำให้เส้นทางบริเวณถ้ำทองหลาง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ได้ทรุดตัวลงพร้อมกับต้นไม้ใหญ่ทำให้พื้นถนนทรุดตัวพร้อมแตกร้าว ซึ่งรถยนต์ไม่สามารถผ่านไปมาได้ และอีกหลายจุดบนเขานางหงส์ ได้มีดินสไลด์ลงบนพื้นถนน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ประกาศปิดถนนเพชรเกษมสายถ้ำทองหลาง-เขานางหงส์ แล้วเพื่อไม่ให้รถยนต์แล่นผ่านเนื่องจากอันตราย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายพร้อมหาหนทางแก้ไขแล้ว

ส่วนอีกจุดที่บริเวณหมู่ที่ 5 ตำบลบางเหรียง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ถนนสายบางเหรียง-พนม มีน้ำท่วมถนนสูงประมาณ 1 เมตร ระยะทางยาวประมาณ 60 เมตร รถยนต์ขนาดเล็กต้องใช้ความระมัดระวัง


--------------------------------------------------------------------------------------
นราฯน้ำป่าทะลักคอสะพานขาด - ทหารเร่งนำถุงยังชีพพระราชทานช่วยเหลือแล้ว [ ผู้จัดการออนไลน์ : 29 มี.ค. 54 ]
ความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะฝนตก จากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง แพร่กระจายปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำป่าบนเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตรอยต่อระหว่างอำเภอแว้งกับอำเภอสุไหงปาดีที่อิ่มตัว ได้ไหลทะลักลงมาจากเทือกเขาจนส่งผลทำให้ถนนสายหลักที่มุ่งสู่น้ำตกฉัตรวาริ นทร์อันลือชื่อของจังหวัดนราธิวาส ได้รับความเสียหาย แถมยังส่งผลทำให้คอสะพานซึ่งตั้งอยู่ม.1 ต.โต๊ะเด็ง ถูกน้ำป่าที่ไหลเชี่ยวกรากพัดจนคดสะพานขาด รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านสัญจรไปมาได้ จนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว จำนวนกว่า 100 ครัวเรือน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

นอกจากนี้ผลพวงจากน้ำป่าที่ไหล เชี่ยวกราก ยังส่งผลทำให้ท่อน้ำประปาภูเขาขนาดใหญ่ ยังถูกกระแสน้ำพัดจนได้รับความเสียหาย ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยใช้น้ำประปาภูเขา จำนวนกว่า 200 หลังคาเรือน ไม่มีน้ำประปาใช้ตั้งแต่ในช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้นายจำนัล เหมือนดำ นายอำเภอสุไหงปาดีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายเบื้องต้นแล้ว

ด้าน ร.ท.นิชนุ เชื้อพรรณงาม นายทหารฝ่ายกิจการฝ่ายพลเรือน ชุดปฏิบัติการทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส ได้นำรถยนต์ทหารและนำเรือท้องแบนออกแจกจ่ายถุงยังชีพพระราชทานฯ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบริเวณโดยรอบของพระตำหนักทักษิณ ราชนิเวศน์ ใน ต.กะลุวอเหนือ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม

จากการสำรวจ พบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาจากภาวะฝนตกหนัก ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านใน 3 หมู่บ้าน คือ บ้านโคกสะยา หมู่ 8, บ้านค่าย หมู่ 2 และบ้านอ่าวมะนาว หมู่ 1 ต.กะลุวอเหนือ ถูกน้ำท่วมเป็นวงกว้าง ระดับน้ำสูงถึงเกือบ 2 เมตร โดยชาวบ้านที่ได้รับแจกถุงยังชีพพระราชทาน ต่างปลื้มปิติ ในพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น


--------------------------------------------------------------------------------------
น้ำท่วมสุราษฎร์ฯตายแล้ว 4 รายสูญหาย 1 [ ผู้จัดการออนไลน์ : 29 มี.ค. 54 ]
    

  วันนี้ (29 มี.ค.54) สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานียังคงวิกฤต น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงได้ไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างส่งผลให้ 8 อำเภอ จมใต้บาดาลระดับน้ำสูงตั้งแต่ 1 เมตรจน 3 เมตรกว่า ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล่วกวา 30,000 คน

ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลมะลวน อำเภอท่าฉางต้องช่วยเหลือตัวเอง นำสิ่งของที่จำเป็นที่พอเอาติดตัวออกมาได้ใส่กาละมังลอยน้ำออกจากบ้านพัก อาศัย พร้อมครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอด

ในขณะที่ นายประทีป สารเทพ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 บ้านนาลึก ต.มะลวน กล่าวว่ายังไม่มีหน่วยงานทางภาครัฐลงมาดูแล วอนรัฐบาลส่งกำลังพร้อมอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือด่วน

ด้านนายโชคนรินทร์ เกิดสม ปภ.จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้สรุปมีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. จนถึงวันนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย สูญหาย 1 ราย ล่าสุด คือ นายจาง ชูศรี อายุ 82 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ที่ 6 ต.ถ้ำสิงขร อ.คีรีรัฐนิคม ถูกต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับเสียชีวิตข้างบ้านพัก



--------------------------------------------------------------------------------------
สมุยวิกฤติหาดเฉวงน้ำท่วมถึงคอเครื่องบิน-เรือยังงด [ ไทยรัฐ : 29 มี.ค. 54 ]

สถานการณ์ฝนถล่ม และน้ำท่วมเกาะสมุยยังน่าห่วง หาดเฉวงบางจุดท่วมถึงคอ เครื่องบิน-เรือยังหยุดให้บริการ ทำให้นักท่องเที่ยวตกค้างเพียบ ขณะที่ชาวบ้านผวาเร่งตุนเชื้อเพลิงกับอาหาร...

สถานการณ์น้ำท่วมภาค ใต้ยังวิกฤติ เช่นเดียวกับเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเช้าวันที่ 29 มี.ค. ว่า จากฝนตกหนักและต่อเนื่องนานไม่ขาดสาย ทำให้น้ำท่วมขยายวงกว้าง โดยที่หาดเฉวง แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ระดับน้ำท่วมบางจุดสูงถึงคอ เนื่องจากระบายไม่ทัน นอกจากนั้น ยังมีดินถล่มในหลายจุดรอบเกาะ ส่วนคลื่นในทะเลสูง 2-3 เมตร

ขณะเดียวกัน เครื่องบินและเรือเฟอร์รี่ข้ามฝาก ยังคงหยุดให้บริการต่อเนื่องมาจากช่วงบ่ายวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกาะสมุยถูกตัดขาดเกือบจะถึง 24 ชั่วโมง มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศตกค้างจำนวนมาก คาดว่า ถ้าภายในวันที่ 29 มี.ค. เครื่องบินและเรือเฟอร์รี่ยังไม่สามารถให้บริการได้ จะเริ่มขาดแคลนอาหาร รวมทั้งน้ำมันที่ใช้เติมรถยนต์และปั่นไฟฟ่า เนื่องจากประชาชนบางส่วนเริ่มกักตุน


--------------------------------------------------------------------------------------
นครฯยังไม่พ้นวิกฤตน้ำท่วม! อ่วม 22 อำเภอ ยอดตายเพิ่มเป็น 9 ศพ [ ผู้จัดการออนไลน์ : 28 มี.ค. 54 ]

       ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำ ท่วมในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชว่า วันนี้ (28 มี.ค.) ในหลายพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากระดับน้ำยังคงในระดับท่วมสูง โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองนครศรีธรรมราช แม้ว่าโดยทั่วไปน้ำจะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม หลายชุมชนยังมีระดับน้ำเกินกว่า 1 เมตร เช่น ชุมชนหลังสถานีรถไฟ บ่อทรัพย์ มุมป้อม ประตูขาว หัวท่า เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาฝนตกลงมาอย่างหนักอีกระลอก ทำให้ระดับน้ำหลายจุดในเขต อ.เมืองนครศรีธรรมราชทรงตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สภาพอากาศมืดครึ้มท้องฟ้าปิด เส้นทางถูกตัดขาดเพิ่มเติม ล่าสุดคอสะพานบ้านน้ำแคบถูกน้ำกัดเซาะจนขาดสะบั้นตัดการจราจรทุกชนิด

ขณะที่อำเภอรอบนอก เช่น อ.พระพรหม อ.พรหมคีรี อ.ลานสกา ยังมีระดับน้ำท่วมสูงเช่นเดียวกัน ท่ามกลางความพยายามในการเข้าช่วยเหลือของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาค รัฐ ภาคเอกชน และส่วนราชการต่างๆ รวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่

สำหรับการระบายน้ำนั้น ในส่วนของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นพื้นที่รับน้ำจากเทือกเขาหลวง นายสมนึก เกตุชาติ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ได้ระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ และเครื่องผลักดันน้ำจากกรมชลประทาน เข้าติดตั้งในจุดสำคัญหลายจุด ตลอดทั้งแนวลำคลองสำคัญคือ คลองป่าเหล้า คูพาย สวนหลวง หน้าเมือง ท่าโพธิ์ ท่าซัก เพื่อผลักดันน้ำออกสู่อ่าวปากนครระบายลงสู่อ่าวไทยให้เร็วมากขึ้น

ขณะเดียวกันในพื้นที่ ลุ่มน้ำปากพนัง ประกอบด้วย อ.ปากพนัง อ.หัวไทร อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับน้ำจากพื้นที่ตอนในของ จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นทุกพื้นที่ บางจุดสูงกว่า 2 เมตร และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีน้ำทะเลหนุน

ขณะเดียวกันสำนักชลประทานนครศรี ธรรมราช ได้เร่งเปิดประตูระบายน้ำในลำคลองชะอวด-แพรกเมือง ซึ่งเป็นคลองขุดในพระราชดำริ ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ ในโครงการลุ่มน้ำปากพนังทุกบาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการระบายน้ำเต็มพิกัด

สำหรับจระเข้ที่หลุดออกมาจากสวน สัตว์เทศบาลนครนครศรีธรรมราช มีรายงานว่า ทั้งหมดมีถึง 11 ตัว และได้หลุดออกจากสวนสัตว์จากสภาพน้ำท่วมทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราชได้ระดมกำลังไล่ล่าตลอดทั้ง 24 ช.ม. โดยล่าสุดนั้นได้มีการจับตายไปแล้ว 1 ตัว จับเป็น 2 ตัว และเช้าของวันนี้พบว่ายังว่ายน้ำอยู่ในบริเวณใกล้เคียงสวนสัตว์ 4 ตัว แต่ยังไม่สามารถจับได้ นอกจากนั้นยังมีรายงานการพบเห็นและพบว่าจระเข้จำนวน 3-4 ตัวได้เข้าโจมตีสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านที่อพยพหนีน้ำ เป็นแพะ 2 ตัว และเป็ดไก่อีกจำนวนหนึ่ง

พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอีกหลายฝ่าย และเจ้าหน้าที่เทศบาล ติดอาวุธออกไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นอันตรายกับประชาชน ขณะเดียวกันพบว่ายังมีรายงานการพบเห็นจระเข้อีกหลายจุด ซึ่งอยู่ห่างจากสวนสัตว์มาก

เจ้าหน้าที่เทศบาลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เป็น ไปได้ว่าจะมีจระเข้ที่มีการลักลอบเลี้ยงหลุดออกมาด้วย เนื่องจากเทศบาลมีเพียง 11 ตัวเท่านั้น จับมาได้แล้ว 3 ตัว ยังวนเวียนอยู่ในเขตสวนสาธารณะอีก 4 ตัว และพบเห็นในบริเวณใกล้สนามบินอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อดูแล้วครบ 11 ตัว ดังนั้นจึงเชื่อว่าจระเข้ที่พบเห็นในจุดอื่นไม่น่าจะใช้จระเข้ที่หลุดสวน สัตว์อย่างแน่นอน แต่น่าจะเป็นจระเข้ที่ชาวบ้านลักลอบเลี้ยงแล้วหลุดออกมา

ที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนและสะพานถูกกระแสน้ำป่าตัดขาดหลายแห่ง ทำให้ราษฎรไม่สามารถออกมาสู่ภายนอกได้ โดยเฉพาะนายเขียว แก้วนุ่น อายุ 70 ปี ราษฎร ม.7 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งป่วยหนักปัสสาวะเป็นเลือด ต้องรีบนำตัวส่ง รพ.ด่วน แต่ไม่สามารถนำร่างนายเขียวไปส่ง รพ.ได้ เพราะสะพานขาดและทางขาดหลายจุดกองทัพภาคที่ 4 จึงส่ง ฮ.บินมารับตัวนายเขียวส่งรักษาตัวที่ รพ.ค่ายวชิราวุธของกองทัพภาคที่ 4 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และขณะนี้แพทย์ช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว

นายธนพล ไชยชาญ ผจก.บริษัท เหมืองแร่ พีแอนด์เอส แบริ่งไม่นิ่ง จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาไม้ไผ่ บ้านกรุงชิง ม.8 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจาก พ.อ.ภาสกร ทวีตา รอง ผอ.กกร.ทภ.4 ที่ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาค 4 อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ให้ช่วยจัดส่ง ฮ.บินขึ้นไปช่วยนำคนงานเหมืองแร่ จำนวน 20 คน และชาวบ้านกว่าร้อยชีวิตที่ติดอยู่บนเหมืองแร่ ไม่สามารถลงมาได้ เนื่องจากทางและสะพานขาดหลายแห่ง ต้องติดอยู่บนเหมืองแร่บนภูเขา ไฟฟ้าก็ดับหมด เนื่องจากกระแสน้ำป่าพัดเสาไฟฟ้าล้มหมด ไม่มีอาหารกินมานาน 5 วันแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพภาค 4 ไม่สามารถนำ ฮ.บินขึ้นไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากฝนตกหนัก และสภาพอากาศปิดอย่างต่อเนื่อง เป็นอุปสรรคในการบิน ต้องรอให้อากาศเปิดจึงสามารถเริ่มปฏิบัติ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะปฏิบัติการในช่วงใด ต้องรอเวลาเพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด

ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจำนวน 60 คนที่เดินทางมาเที่ยวรีสอร์ทแห่งหนึ่งบนผืนป่ากรุงชิง เขต อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ต้องติดอยู่บนภูเขากรุงชิงนานเป็นเวลา 5 วันเช่นกัน พ.ต.อ.เชิดชาย โมสิกะ ผกก.สภ.นบพิตำ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นบพิตำ ร่วมกับฝ่ายปกครองและ จนท.มูลนิธิต่างๆ ได้ร่วมกันช่วยเหลือนำนักท่องเที่ยวทั้ง 60 ชีวิตลงมาได้อย่างปลอดภัย โดยขณะผ่านถนนท้องที่ ม.2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เกิดสะพานขาด ต้องให้นักท่องเที่ยวลงจากรถเดินข้ามสะพานไม้ แล้วมาขึ้นรถตู้ที่จัดไว้จำนวน 6 คันที่เตรียมไว้อีกฝั่งสะพานเดินทางออกจากพื้นที่ อ.นบพิตำ มุ่งหน้ากลับกรุงเทพมหานคร

นางศิรินารถ จุลเกลี้ยง หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยการบิน รักษาราชการผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำลดลงออกจากผิวรันเวย์หมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากต้องเคลียร์สภาพพื้นผิวรันเวย์และแทกซี่เวย์ให้ได้ทั้งหมดก่อน เพราะมีเศษวัตถุต่างๆ ที่ไหลมากับน้ำท่วมกลาดเกลื่อนจำนวนมาก ต้องใช้เวลาราว 3 วัน

ขณะเดียวกันพบว่า ระบบไฟฟ้าในส่วนของระบบไฟนำทาง ระบบไฟฟ้าอุปกรณ์นำร่องการลงจอด และระบบไฟฟ้าที่ฝังอยู่เสียหายทั้งหมด ต้องรอเจ้าหน้าที่วิศวกรผู้เชี้ยวจากกรมการขนส่งทางอากาศ และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เข้าทำการวิเคราะห์ตรวจสอบ ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดเวลาในการเปิดบินได้ ทำให้มีความเสียหายด้านรายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ ของท่าอากาศยานหายไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงความเสียหายจากสายการบินที่ต้องสูญเสียผู้โดยสารไปถึงกว่าวันละ 1,600-1,700 คนทีเดียว

ด้านสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ยังมีการประกาศหยุดเดินรถ แม้ว่าน้ำที่ท่วมรางจะลดระดับลงแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุงได้ออกตระเวนตรวจซ่อมรางตั้งแต่สถานีนครศรีธรรมราช ไปจนถึงสถานีชุมทางเขาชุมทอง อ.ร่อนพิบูลย์ ส่วนผู้โดยสารที่จองตั๋วโดยสารนั้น ต้องเดินทางไปยังสถานีรถไฟทุ่งสงที่ยังเปิดใช้บริการตามปกติ

ล่าสุดโรงพยาบาลท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชยังคงปิดให้บริการ เนื่องจากความเสียหายกับเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และในทุกระบบที่เกี่ยว ข้องอย่างหนักสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้องระดมเจ้าหน้าที่เข้าฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

นพ.กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.รพ.ท่าศาลาจ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งเก็บกวาดกู้ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำอย่างเร่งด่วน และคาดว่าจะเปิดบริการได้ในราววันพุธที่ 30 มี.ค.นี้ โดยขณะนี้ได้มีพี่เลี้ยงคือ รพ.มหาราชได้มาตั้ง รพ.สนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยเบื้องต้นหากมีกรณีต้องรับเข้ารักษาตัวจะส่งต่อไปยัง รพ.มหาราชทันที

“ความเสียหายในขณะนี้ดูแล้วใจ หาย อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์จำนวนมากจมน้ำอย่างสิ้นเชิง คิดเป็นตัวเงินมูลค่าสิ่งของเหล่านั้นแล้วราว 40 ล้านบาท ซึ่งต้องประสานกับทุกฝ่ายเพื่อหาช่องทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยเฉพาะอาคารต่างๆ ต้องปรับรูปแบบให้มีความสูงมากขึ้น เพื่อหนีอุทกภัยเช่นนี้ ตลอด 30 ปีตั้งแต่สร้างโรงพยาบาลมา เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย” ผอ.รพ.ท่าศาลากล่าว

สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ น้ำท่วมนั้น วันนี้ (28 มี.ค.) ได้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายที่ อ.สิชล โดยจมน้ำเสียชีวิตที่ บริเวณลำคลองลาวเห้ง บ้านสำนักเนียน หมู่ที่ 3 ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่คืนวันที่ 27 มี.ค. เวลา 23.00 น. และ พ.ต.ท.ปรีชา สวนจันทร์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.สิชล ได้เข้าทำการชันสูตรพลิกศพแล้วคือ นางเอื้อมพร สังข์วงศ์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ม. 3 ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพนอนตะแคงในลำคลองติดกับก้อนหินและท่อประปาหมู่บ้าน

จากการสอบสวนญาติได้ความว่า ผู้ตายได้เดินทางออกจากบ้านไปยังขนำในสวนยางพาราบนภูเขาเพียงคนเดียว ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. คาดว่าวันที่เสียชีวิตผู้ตายได้เดินทางกลับบ้าน โดยเดินข้ามลำคลองแล้วเจอกระแสน้ำเชี่ยว ทำให้เสียการทรงตัวและล้มลงในลำคลอง เป็นเหตุให้จมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว รวมยอดผู้เสียชีวิตในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชในขณะนี้สูงถึง 9 รายแล้ว

ขณะที่นายคเณศวร์ คงหอม หน.กลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการ รรท.หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ล่าสุดมีเหตุการณ์ดินสไลด์ที่ ม.1 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โดยดินได้สไลด์ลงมาปิดทับถนนใน ม.5 หมู่บ้านและลานจอดรถน้ำตกอ้ายเขียว และบ้านเรือนราษฎรพังเสียหาย 5 หลัง แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ทั้งนี้ จากการประเมินในเบื้องต้น จ.นครศรีธรรมราช มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรวม 22 อำเภอ 131 ตำบล 1,063 หมู่บ้าน 38,629 ครัวเรือน รวมผู้เดือดร้อน 139,754 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 42,600 ไร่ ถนนเสียหาย 609 สาย ประเมินค่าเสียหายเบื้องต้นกว่า 300 ล้านบาท


--------------------------------------------------------------------------------------
คนพัทลุงโซนทะเลสาบยังระทมน้ำท่วม 2 ม. ด้านริมเขาบรรทัดน้ำเริ่มลดแล้ว [ ผู้จัดการออนไลน์ : 27 มี.ค. 54 ]
       ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พัทลุงถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาพรวมของพื้นที่ว่า ซึ่งขณะสามารถแบ่งออกโซนที่ได้รับผลกระทบได้ 2 ส่วนคือ ล่าสุดฝนได้ทิ้งช่วงทำให้ระดับน้ำที่ท่วมบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตร สวนยางพาราและสวนปาลม ในพื้นที่ริมป่าเทือกเขาบรรทัด อ.กงหรา อ.ศรีบรรพต อ.ศรีนครินทร์ และ อ.ตะโหมด ลดระดับลง ชาวบ้านที่อพยพไปอาศัยบ้านญาติหรือศาลาหมู่บ้านหลับนอนได้เริ่มกลับ เข้าปัดกวาดที่อยู่อาศัยได้แล้ว

แต่ในขณะเดียวกันน้ำเข้าท่วม บ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ ต.พญาขัน ต.ปรางหมู่ ต.ชัยบุรี ต.นาโหนด และ ต.ลำปำ ในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง, ต.ปันแต ต.แหลมโตนด ต.มะกอกเหนือ ต.พนางตุง ต.ทะเลน้อย ในพื้นที่ อ.ควนขนุน, ต.หารโพธิ ต.เขาชัยสน ต.โคกม่วง ในพื้นที่ อ.เขาชัยสน, ต.ท่ามะเดื่อ ต.นาปะขอ ในพื้นที่ อ.บางแก้ว และ ต.บ้านพร้าว ในพื้นที่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ระดับน้ำยังสูงเกือบ 2 เมตร หลายหมู่บ้านยังคงถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ต้องใช้เรือในการเข้าออกหมู่บ้านเพื่อหาชื้ออาหารไว้รับประทาน และยังร้องขอน้ำดื่มที่สะอาดในอาการบริโภค

ทั้งนี้ ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ราบลุ่ม น้ำระบายไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้อย่างช้าๆ และสัตว์เลี้ยงอย่างโคเนื้อและโคนม เริ่มขาดหญ้าสดและอาหารแห้งแล้ว

นางประคอง อิสโม อายุ 55 ปี ชาวบ้านหมู่ 10 ต.พญาขัน อ.เมืองพัทลุง ต้องหุงข้าว ขอดเกร็ดปลาที่สามีเป็นผู้หามาให้จากน้ำที่ท่วมขังเพื่อประกอบเป็นอาหารยัง ชีพ ท่ามกลางสภาพน้ำที่ท่วมบ้าน โดยเฉพาะบนถนนหน้าบ้านมีน้ำท่วมสูงกว่า 70 ซ.ม. เช่นเดียวกับสมาชิกในครอบครัวของนายเขื่อม ราฎร์บวร อายุ 72 ปี ที่ต้องนั่งกินข้าวบนแคร่หน้าบ้านที่มีสภาพน้ำขังล้อมรอบ ซึ่งชาวบ้านต้องใช้ชีวิตประจำวันอย่างยากลำบาก

นายเขื่อมชาวบ้านผู้เดือดร้อน ระบุว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีชาวบ้านที่ประสบชะตากรรมเดียวกันในหมู่ที่ 9 และหมู่ที่ 10 ต.พญาขัน อ.เมืองพัทลุงร่วม 300 ครอบครัว ในพื้นที่มีสภาพน้ำท่วมขังมานาน 4 วันแล้ว และน้ำท่วมรอบนี้เป็นรอบที่ 5 ตั้งปลายปี 2553 จนถึงต้นปี 2554 ชาวบ้านในพื้นที่ลำบากเป็นยากจะเดินเข้าออกหมู่บ้านก็ไม่สะดวก เพราะถนนถูกน้ำท่วมยาวเป็นระยะทางร่วม 4 ก.ม. รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ต้องเดินเท้าและใช้เรือเท้านั้น

“พื้นที่นี้มีสภาพน้ำที่ท่วมทุก ปี จึงอยากขอวิงวอนทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หามาตรการแก้ปัญหาระยะยางให้ ด้วย” นายเขื่อมกล่าว




--------------------------------------------------------------------------------------
น้ำป่ากัดเซาะคอสะพาน “กงซัง” ขาด ชาวบ้านกว่า 250 ครอบครัวถูกตัดขาด [ ผู้จัดการออนไลน์ : 27 มี.ค. 54 ]
วันนี้ (27 มี.ค.) นายมนตรี เพชรขุ้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี ได้นำเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักรกลหนักเข้าพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ป่าร่อน อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อซ่อมแซมคอสะพานข้ามคลองกงซัง ที่ถูกกระแสน้ำป่ากัดเซาะจนขาดทั้งสองข้างกว้างกว่า 15 เมตร และมีดินถล่มอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถซ่อมได้ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านคีรีรอบ ต.ป่าร่อน และชาวบ้านหมู่ที่ 9 บ้านคลองสระกว่า 250 ครัวเรือน ประมาณ 400 คนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 10 อำเภอของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังคงน่าห่วงโดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนตลาดเทศบาลตำบลท่าชนะ อ.ท่าชนะ น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงไหลบ่าเข้าท่วมระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตรและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนพื้นที่ อ.บ้านนาเดิม และพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ บ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 2 เมตร ในขณะที่สภาพอากาศฝนหยุดตกมากว่า 6 ชั่วโมง ทำให้ระดับท่วมขังผิวจราจรถนนสายเอเชีย 41 ระดับน้ำเริ่มลดลงรถเล็กสามารถผ่านไปมาได้ ส่วนถนนสายสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราชระดับน้ำยังคงท่วมขังสูงรถเล็กผ่าน ด้วยความลำบาก


--------------------------------------------------------------------------------------
สุราษฎร์น้ำป่าไหลท่วมบ้านเรือนชาวบ้านเดือดร้อนหนัก [ ผู้จัดการออนไลน์ : 27 มี.ค. 54 ]
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ติดต่อกันหลายวัน เนื่องจากมีความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศ ไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรง

จากเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏว่า ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ อ.บ้านนาสาร ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ฝนตกดังกล่าว โด
ยเฉพาะน้ำในคลองฉวางเป็นลำคลองสายหลักชาวอำเภอบ้านนาสาร ซึ่งมีต้นกำเนิดจากบริเวณยอดเขาหนอง เทือกเขานครศรีธรรมราช ไหลผ่านพื้นที่ 5 ตำบล ของ อ.บ้านนาสาร ได้แก่ ต.ลำพูน ต.เพิ่มพูนทรัพย์ ต.นาสาร ต.น้ำพุ และไหลบรรจบแม่น้ำตาปีที่ ต.ท่าชี มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ50 กม.นั้น มีปริมาณน้ำเป็นจำนวนมาก น้ำได้ไหลท่วมบ้านเรือนรวมทั้งพืชผลทางการเกษตรเป็นวงกว้าง

โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลาดต่ำแถว ต.น้ำพุ และ ต.ท่าชี จำนวนหลายร้อยครัวเรือนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนต่าง อพยพข้าวของเครื่องใช้ขึ้นไว้บนที่สูง ขณะที่หน่วยงานบรรเทาสาธารภัยต่างๆได้นำเรือท้องแบนให้การช่วยเหลือผู้เดือด ร้อนอยู่ในขณะนี้ ส่วนถนนหลายสายไม่สามารถเดินทางเข้าถึงได้เนื่องจากปริมาณน้ำอยู่ในระดับสูง

รายงานเพิ่มเติมแจ้งว่า ส่วนประชาชนในเขตเทศบาลเมืองนาสาร ขณะนี้ได้รับแจ้งจากทางราชการว่าน้ำประปาไม่สามารถใช้ได้อย่างต่ำประมาณ 2-3 วัน เนื่องจากหัวดูดน้ำได้รับความเสียหาย ระบบท่อถูกทำลายจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว พร้อมทั้งให้นำภาชนะมารับน้ำได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารภัยเทศบาลเมืองนาสาร

ด้าน นายมีชัย ประชาบาล ชาวบ้านผู้หนึ่งในเขตเทศบาลเมืองนาสาร กล่าวว่า อยากให้ทางหน่วยงานภาครัฐได้เข้ามาช่วยเหลือเซ่อมท่อประปาที่ได้รับความเสีย หายโดยเร็ว ถ้าเป็นไปตามที่ประกาศไว้ 2-3 วัน จะใช้ได้นั้น ชาวบ้านจะได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีน้ำใช้จำนวนหลายพันครัวเรือน พร้อมทั้งฝากถึงผู้บริหารเทศบาลฯว่าควรจะนำน้ำมาแจกจ่ายชาวบ้านเนื่องจากชาว บ้านบางครัวเรือนยังไม่มียานพาหนะในการเดินทางเพื่อไปรับน้ำ หรือบางครัวเรือนเดินทางยังไม่สะดวกเนื่องจากต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด แจ้งว่า ขณะ นี้พื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว 8 อำเภอ 45 ตำบล 346 หมู่บ้าน ประกอบด้วย อ.ดอนสัก กาญจนดิษฐ์ ไชยา เวียงสระ ท่าชนะ เมืองสุราษฎร์ธานี บ้านนาสาร บ้านนาเดิม

โดยอำเภอกาญจนดิษฐ์ ราษฎรเดือดร้อนมากสุด กว่า 13,000 ครัวเรือน บ้านนาสาร ราษฎรเดือดร้อน 3,270 ครัวเรือน บ้านนาเดิม ราษฎรเดือดร้อน 530 ครัวเรือน

สำหรับการช่วยเหลือประชาชนขณะ นี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมมูลนิธิกุศลศรัทธา ส่งชุดกู้ภัยออกให้การช่วยเหลือประชาชน ศูนย์ฯ ปภ.เขต 11 สนับสนุนเรือท้องแบนให้กับพื้นที่ถูกน้ำท่วม และ อบจ.สุราษฎร์ธานี สนับสนุนรถ เรือ เคลื่อนย้ายประชาชนมาอยู่ในที่ปลอดภัย ซึ่งขณะนี้จังหวัดสุราษฎร์ธานีกำลังพิจารณาอำเภอที่ประสบกับน้ำท่วม เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เพื่อนำงบประมาณออกมาช่วยเหลือประชาชนต่อไป


--------------------------------------------------------------------------------------
นครศรีฯ อ่วม งดเที่ยวบินทุกเที่ยว-ผู้ว่าฯ ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 20 อำเภอ [ ผู้จัดการออนไลน์ : 27 มี.ค. 54 ]

       วันนี้ (27 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.นครศรีรรมราชว่า สถานการณ์น้ำท่วมได้ขยายไปอย่างต่อเนื่องในหลายอำเภอ ส่งผลกระทบต่อประชาชนการสัญจรอย่างหนัก โดยในช่วงเช้าของวันนี้ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินที่เดินทางสู่นครศรี ธรรมราชทุกเที่ยวบิน เนื่องจากสภาพรันเวย์ถูกน้ำท่วมสูง สภาพท่าอากาศยานมีน้ำล้อมรอบโผล่แค่อาคารหลังคาสีส้มเห็นได้จากระยะไกล

นายนิสิต สมบัติ ผอ.ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า สภาพท่าอากาศยานได้ถูกน้ำท่วมอย่างหนักตลอดแนวรันเวย์ โดยเฉพาะพื้นผิวสูงกว่า 1-2 ฟุต อากาศยานทุกชนิดไม่สามารถลงจอดได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องประกาศปิดสนามบินชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ขณะเดียวกันการสัญจรเข้าสู่ท่าอากาศยานก็เข้าไม่ได้น้ำท่วมสูงมากทุกเส้นทาง

“เราคาดว่าจะมีความเสียหายใน เรื่องของระบบไฟนำทางรันเวย์ เนื่องจากจมน้ำทั้งหมด หลังจากน้ำลดต้องเข้าตรวจสอบทั้งสภาพพื้นผิวและระบบลงจอดของอากาศยานทุก ตัวอย่างเร่งด่วน ส่วนผู้โดยสารสามารถประสานกับสายการบินในการคืนตั๋วหรือเลื่อนการทางได้” ผอ.ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชกล่าว

ขณะที่ นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้ทำการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติและเปิดศูนย์เฉพาะกิจให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัยแล้ว รวม 20 อำเภอ จากจำนวน 23 อำเภอ ยกเว้นอำเภอทุ่งสง บางขัน และอำเภอทุ่งใหญ่ สภาพน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครศรีธรรมราช ถือว่าหนักกว่าจังหวัดอื่นๆ โดยมีพื้นที่เสียหายแล้ว 20 อำเภอ 105 ตำบล 630 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 27,635 ครัวเรือน จำนวน 62,538 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 3 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 16,600 ไร่ ถนนเสียหายกว่า 300 สาย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย

สำหรับเส้นทางการคมนาคม มีน้ำท่วมขังหลายสาย รถขนาดเล็ก ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ในหลายพื้นที่ และในช่วงบ่ายของวันนี้ (27 มี.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย จะเดินทางลงพื้นที่ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำท่วม ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้เตรียมสิ่งของมาแจกจ่ายยังชุมชนสถานีรถไฟที่มีระดับน้ำท่วมสูงมิดหลังคา หลายครัวเรือน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ความเดือดร้อนได้ขยายวงกว้างเนื่องจากระดับน้ำท่วมที่สูงขึ้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำเป็นต้องงดจ่ายกระแสเนื่องจากหลายจุดระบบจำหน่ายเข้า มิเตอร์จมน้ำอย่างสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้สำรวจและเร่งอพยพชาวบ้านที่ยังติดค้างไปอาศัยยังจุดอพยพชั่วคราวยัง โรงเรียนเทศบาลหลายโรงด้วยกัน

เช่น เทศบาลศาลามีชัย วัดใหญ่เสมาเมือง ศรีทวี เป็นต้น และยังมีประชาชนจำนวนมากลุยน้ำท่วมออกมาซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง บริเวณตลาดสดคูขวาง ซึ่งบรรดาพ่อค้าและแม่ต่างก็นำสินค้า อาหารมาวางตามฟุตบาทริมทางเท้า เนื่องจากภายในตลาดสดคูขวางถูกน้ำท่วมขังจนไม่สามารถว่างของจำหน่ายได้ โดยชาวบ้านต่างซื้ออาหารค่อนข้างมากเพื่อเก็บไว้เนื่องจากยังไม่มั่นใจใน สถานการณ์ เนื่องจากท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มและฝนยังโปรยปรายลงมาเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง

และยังมีรายงานประชาชนติด ค้างอยู่ใน ต.นาทราย อ.เมืองอีกกว่า 30 คน เจ้าหน้าที่มูลนิธิไต้เต๊กตึ๊ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ ต้องนำเรือเข้าให้การช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายออกมาอาศัยในที่สูงชั่ว คราวอย่างจ้าละหวั่น

ส่วนในพื้นที่ อ.ท่าศาลา ฝนยังคงตกอย่างหนัก ระดับน้ำหลายพื้นที่ยังคงท่วมสูงมีสัตว์เลี้ยงเช่นวัว ได้ลอยตามน้ำตะเกียกตะกายขึ้นยังที่สูงจำนวนมาก โดยยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ชาวบ้านหลายคนที่อยู่ในที่สูง ได้ช่วยกันดูแลไว้ก่อนจนกว่าเจ้าของจะออกตามหา และจะคืนให้ต่อไป

ส่วนที่ รพ.ท่าศาลามีรายงานว่า ได้ รับความเสียหายอย่างหนักเนื่องจากน้ำได้ทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ทันตั้งตัว เนื่องจากเป็นฤดูร้อนแต่คาดไม่ถึงว่าปริมาณน้ำจะมหาศาล ทำให้เครื่องมือแพทย์ เครื่องช่วยชีวิตแบบต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมากจมน้ำได้รับความเสียหายโดย มีการประเมินเบื้องต้นนั้นมีมูลค่านับสิบล้านบาท



--------------------------------------------------------------------------------------
พัทลุงอ่วมน้ำท่วมหนักขยาย 9 อำเภอ [ ผู้จัดการออนไลน์ : 25 มี.ค. 54 ]

       วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ระดับน้ำขยายวงกว้างขึ้นกินพื้นที่ทั้ง 9 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง, อ.ควนขนุน, อ.บางแก้ว, อ.เขาชัยสน, อ.ศรีนครินทร์, อ.ศรีบรรพต, อ.ป่าพะยอม, อ.ตะโหมด และ อ.กงหรา เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ระดับน้ำเฉลี่ยสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 8,000 ครอบครัว พื้นที่การเกษตรสวนยางพารา ถูกน้ำท่วม กว่า 1 แสนไร่

นอกจากนั้น ยังมี สวนพริก แปลงผัก ของชาวบ้านที่ปลูกรอการเก็บเกี่ยว หลังจากน้ำท่วมในรอบที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.เมือง อ.ควนขนุน ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายไปกว่า 2,000 ไร่ สถานที่ราชการ อบต. เทศบาล โรงเรียน และวัด เจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ โดยเฉพาะหมู่ที่ 10 ต.เขาเจียก อ.เมือง ต.พนมวัง อ.ควนขนุน ระดับน้ำท่วม 1.20 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพไปอาศัยในที่ปลอดภัยแล้วจำนวน 12 ครัวเรือน

ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราด นอกจากนั้นถนนสายหลักและสายรอง ในหลายพื้นที่มีน้ำไหลผ่านโดยเฉพาะ ถนนสายเพชรเกษม พัทลุง-ตรัง ถนนสายเอเชีย ขาขึ้นกรุงเทพฯ ช่วง อ.ควนขนุน มีน้ำไหลผ่านเป็นช่วงๆ

ทางด้านเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของอำเภอ เร่งออกสำรวจพื้นที่น้ำท่วมและความเสียหาย เพื่อนำพิจารณาประกาศเขตภัยพิบัติจากน้ำท่วม ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนั้น ได้ส่งเรือท้องแบนเพื่อเตรียมพร้อมอพยพประชาชน และให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยริมป่าเทือกเขาบรรทัด ระวังดินโคลนถล่ม และดินสไลด์ลงมาหลังดินอุ้มน้ำไว้มาก

-------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลอ้างอิง
  • ไทยรัฐ : http://www.thairath.co.th
  • ผู้จัดการออนไลน์ : http://www.manager.co.th/